3) ยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดท้องเป็นอาการเด่น

Antispasmodic agents

ยาที่มีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้มีหลายกลุ่ม ได้แก่ hyocyamine, dicyclomine, clodinium bromide พบว่ายาสามารถลดอาการปวดท้องและลดอาการโดยรวมได้ และไม่มีผลต่ออาการท้องผูกหรือท้องเสีย ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการบีบตัวของลำไส้กลุ่มนี้สามารถใช้ยับยั้งกรดไหลย้อน หรือใช้ลด post prandial urgency หรือ cramp ได้ โดยรับประทานก่อนอาหารประมาณ 30 นาที เนื่องจากกลุ่มนี้มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงไม่มากและมีราคาถูก ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้เป็นยาตัวแรกในกรณีที่การปรับอาหารไม่ได้ผล และผู้ป่วยมีอาการปวดท้องเป็นหลักโดยมีข้อควรระวังในผู้ป่วย ต้อหิน และ urinary retention ยากลุ่มนี้มีทั้งรูปแบบที่เป็นยาเดี่ยวและผสมกับ benzodiazepine หรือ Phenobarbital




Tricyclic antidepressants (TCA)

เชื่อวายากลุ่มนี้มีผลลดการรับรู้ความรู้สึกจากเส้นประสาทส่วนปลาย หรืออกฤทธิ์ที่สมองโดยไม่ต้องอาศัยฤทธิ์ยาต้านซึมเศร้า antidepressant เนื่องจากพบว่ายาขนาดต่ำก็ได้ประโยชน์แม้ในผู้ป่วยที่ไม่มีปัญหาซึมเศร้า พบว่ายากลุ่มนี้ได้ผลดี ส่วนใหญ่ผลการรักษาจะปรากฎใน 2 สัปดาห์ และบางการศึกษาพบว่าผู้ป่วยกลุ่มที่มีอาการท้องเสียเด่นน่าจะได้ประโยชน์มากกว่ากลุ่มที่มีอาการท้องผูก สำหรับอาการปวดท้องนั้นสามารถใช้ยากลุ่มนี้ควบคู่กับ antispasmodic ได้กรณีที่ให้ antispasmodic แล้วยังได้ผลไม่ดี การเริ่มยาควรเริ่มจากขนาดต่ำ ๆ เช่น 10-25 mg. ต่อวันแล้วค่อย ๆ เพิ่มขนาดขึ้น และควรให้รับประทานก่อนนอนเนื่องจากมีผลข้างเคียงทำให้ง่วง ยา antidepressant กลุ่มใหม่ ๆ รวมทั้ง SSRI มีประสิทธิภาพลดอาการซึมเศร้าได้ดี มีผลข้างเคียงน้อยกว่า tricyclic antidepressant แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนการใช้ยาเหล่านี้ในผู้ป่วย IBS ตัวอย่างยากลุ่มนี้ เช่น amitriptyline, desipramine, cllomipramine, doxepin, trimipramine ผลข้างเคียง ได้แก่ ง่วง เพลีย ปากแห้ง คอแห้ง urinary retention หากใช้ในขนาดสูงทำให้เกิด cardiac arrhythmia และลด threshold ของการซักได้ ผู้เชี่ยวชาญบางท่านแนะนำให้ใช้ยากลุ่ม SSRI ในผู้ป่วย IBS ที่มีข้อบ่งชี้ของการให้ antidepressant แต่มีอาการท้องผูกเด่นเพื่อหลีกเลี่ยงอาการท้องผูกจากยากลุ่ม TCA

การใช้ยาในภาวะที่ท้องผูก | ท้องเสีย | ปวดท้อง ลำไส้แปรปรวน