แผลเบาหวานที่เท้า

จะรู้ได้อย่างไรว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนที่เท้า

ผู้ป่วยโรคเบาหวานประมาณร้อยละ 15 จะเกิดแผลที่เท้าและร้อยละ 14-24 ของผู้ป่วยกลุ่มนี้จะต้องถูกตัดขาอายุที่เกิดมักจะเกิน 65 ปีผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เท้าคือคนที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้นสัญญาณที่แสดงว่าอาจจะมีโรคแทรกซ้อนที่เท้า

  • สีของผิวเปลี่ยนไปเช่นคล้ำขึ้น
  • อุณหภูมิของผิวหนังเพิ่มขึ้น
  • บวมที่เท้า
  • ปวดขา
  • แผลที่เท้าหายช้า
  • เล็บขบและมีเชื้อราที่เล็บ
  • เลือดออกบริเวณตาปลา
  • ผิวแห้งแตกโดยเฉพาะบริเวณส้นเท้า

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดแผลในผู้ป่วยเบาหวานมีอะไรบ้าง

  • ผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นมามากกว่า 10 ปี พบว่าหากเป็นเบาหวานนาน 25 ปีขึ้นไป มีโอกาสต้องถูกตัดขาสูงถึงร้อยละ 11
  • เป็นชาย เสี่ยงกว่าเพศหญิง
  • คุมเบาหวานไม่ดี น้ำตาลสูงทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานไม่ดี
  • การสูบบุหรี่
  • มีโรคแทรกซ้อนทางตา ไต หัวใจ

พบว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลที่เท้าสูงเนื่องจากมีการเสื่อมของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบแคบเลือดไปเลี้ยงบริเวณเท้าน้อยลง รวมทั้งมีการเสื่อมของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงยังเท้า

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดแผล

การดูแลเท้าด้วยตัวเอง

ข้อควรปฏิบัติเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง

  1. ควบคุมเบาหวานให้ดีที่สุดซึ่งสามารถอัตราการเกิดปลายประสาทอักเสบ diabetic neuropathy 
  2. งดการสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด
  3. ออกกำลังกายโดยสม่ำเสมอ
  4. ควบคุมไขมันในเลือดไม่ให้สูงเกินปกติ
  5. รักษาโรคความดันโลหิตสูงให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดการบริโภคเกลือ
  6. ลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกตบริโภคผักเพิ่มขึ้น

การรักษาผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงของการถูกตัดขา

  • ผู้ป่วยที่มีปลายประสาทอักเสบจะมีอาการชาที่เท้าควรสอนผู้ป่วยให้ใช้ตามอง หรือการใช้มือคลำเพื่อตรวจดูเท้า และสิ่งแวดล้อม
  • ผู้ป่วยมีรอยกดทับหรือตาปลา ควรเลือกรองเท้าที่สามารถกระจายน้ำหนักได้ดีกว่าเดิม และอาจจำเป็นต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
  • ผู้ป่วยที่มีอาการปวดขาเวลาเดิน intermittent claudication ควรได้รับการปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อประเมึนสภาพหลอดเลือดแดงที่ขาเพื่อวางแผนการรักษา ถ้าปวดขณะพักควรได้รับการต่อเส้นเลือด>
  • ผู้ป่วยที่หลอดเลือดแดงที่ขาตีบไม่ควรใช้ยาลดความดันกลุ่ม beta-block

 หลักการรักษาแผลเรื้อรังที่เท้าจากโรคเบาหวาน

หากท่านมีแผลเรื้อรังที่เท้าแพทย์จะ x-ray ที่เท้าเพื่อดูว่ากระดูกมีการติดเชื้อหรือไม่ หากไม่แน่ใจแพทย์จะส่ง MRI เพื่อตรวจสอบให้ละเอียดหลักการรักษาประกอบด้วย

  1. การรักษาโรคติดเชื้อ แพทย์จะทำความสะอาดแผลโดยการตัดเนื้อที่ไม่ดี ช่วงแรกจะตัดเป็นบริเวณ
รูปแสดงแผลกดทับ
ตาปลา

กว้าง หากแพทย์พบว่ามีการติดเชื้อแพทย์จะจ่ายยาปฏิชีวนะ ถ้าหากเป็นมากแพทย์จะให้นอนโรงพยาบาล และให้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีด หลังจากนั้นก็จะทำแผลเพื่อลดการติดเชื้อ ลดอาการปวด ทำให้แผลหายเร็ว ท่านที่เป็นแผลขอให้ปฏิบัติตามแพทย์แนะนำ ใช้ยาทาหรือน้ำยาล้างแผลตามที่แพทย์แนะนำ รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง อย่าซื้อยามาใส่เอง เช่น ไฮโดรเจนเพราะทำให้แผลหายช้า

  • ลดแรงกดที่เท้า ปัจจัยเสี่ยงข้อหนึ่งของแผลที่เท้าเกิดจากแรงกด การลดแรงกดจะช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น อาจจะจำเป็นต้องใช้รองเท้าชนิดพิเศษ(orthopedic shoes) เพื่อกระจายแรงกดให้ไปทั่วทั้งเท้า ใช้ไม้เท้า ไม้ค้ำยันนั่งรถเข็นหรือแม้กระทั่งการลดน้ำหนัก และการยกเท้าสูง
  • การเพิ่มเลือดไปเลี้ยงเท้าสำหรับผู้ที่มีหลอดเลือดแดงที่เท้าตีบการผ่าตัดเพื่อเพิ่มเลือดไปเลี้ยงเท้าจะช่วยมิให้เท้าถูกตัด
  • การทำให้แผลหายเร็วโดยการสารบางชนิดที่กระตุ้นการเจริญของเซลล์สารดังกล่าวได้แก่ recombinant growth factors และ bioengineered skin patches

โรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน  

โรคแทรกซ้อนที่เท้า

โรคเท้าในเบาหวาน | ความรู้เกี่ยวกับเบาหวานและเท้า | การดูแลเท้าด้วยตัวเอง | การบริหารเท้า | การดูแลสุขภาพเท้า | ปัจจัยเสี่ยงของการถูกตัดเท้า | การใช้รองเท้า | การประเมินความเสี่ยงของการเกิดแผล | ชนิดของแผลเบาหวาน | การรักษา | เท้าผิดรูป | การเลือกรองเท้า

โรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน

โรคแทรกซ้อน | ภาวะฉุกเฉิน | โรคหัวใจ | โรคความดันโลหิตสูง| โรคไต  |โรคตา  |โรคปลายประสาทอักเสบ |โรคเบาหวานกับเท้า