จะรักษาคนอ้วนเมื่อไร
ทำไมต้องลดน้ำหนัก
เป็นที่ทราบกันแล้วว่าโรคอ้วนจะมีอัตราการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดสูงมีหลักฐานยืนยันว่าการลดน้ำหนักในคนอ้วนจะได้ประโยชน์ดังนี้
- ลดความดันโลหิตลงได้
- ลดระดับไขมัน triglyceride ลงได้
- เพิ่มระดับไขมัน HDL(ไขมันที่ป้องกันหลอดเลือดตีบ)
- ลดระดับไขมัน LDL(ไขมันไม่ดีหากสูงจะเกาะติดผนังหลอดเลือด)
- ลดระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวาน
- ลดอัตราการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่สอง
- ลดอัตราการตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือด
สมัยก่อนแพทย์จะรักษาโรคอ้วนก็ต่อเมื่อโรคอ้วนนั้นก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนแล้ว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ปัจจุบันแพทย์จะให้ความสนใจเมื่อน้ำหนักเริ่มเพิ่มไม่รอจนกระทั่งเกิดโรคแทรกซ้อน ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักและโรคแทรกซ้อน
โรคแทรกซ้อน ณ ระดับความอ้วนต่าง | |
ดัชนีมวลกาย | โรคแทรกซ้อน |
<18.5 | คุณผอมไป |
21-22 | น้ำหนักที่เหมาะสม |
>22 | คุณมีความเสี่ยงต่อเบาหวานเพิ่มขึ้น 3 เท่า |
>23 | อัตราการตายจากโรคหัวใจเพิ่มขึ้น |
25 | อัตราการเกิดโรคเบาหวาน 8 เท่า อัตราการเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 2 เท่า |
28 | เป็นดัชนีมวลกายที่โรคเบาหวานชนิดที่สอง |
30 | อัตราเสี่ยงต่อเบาหวานเพิ่มขึ้น 40 เท่า |
>32 | สาเหตุการตายเพิ่มขึ้น เท่าตัว |
>40 | ไม่สามารถอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข |
จากตารางจะเห็นว่าเมื่อดัชนีมวลกายมากกว่า 23 จะเริ่มมีโรคแทรกซ้อนดังนั้นควรจะคุมน้ำหนักเมื่อดัชนีมวลกายมากกว่า 23
การจะรักษาโรคอ้วนจะพิจารณาจากอะไรบ้าง
- ระดับความอ้วน และระดับเส้นรอบเอว
- ระดับความอ้วนเราสามารถวัดได้จากดัชนีมวลกายค่าปกติของคนประมาณ 20-25 กก/ตม.ระดับที่ต้องรักษาคือดัชนีมวลกายมากกว่า 30โดยที่ไม่มีความเสี่ยงอื่นๆ
- เส้นรอบเอวจะบ่งบอกว่าคุณจำเป็นต้องรักษาหรือยัง ชายมากกว่า90 ซม.หญิงมากกว่า 80ซม.ภาวะดังกล่าวต้องรีบลดน้ำหนัก
- ผู้ที่มีดัชนีมวลกายน้อยกว่า 23 ไม่ต้องรักษานอกจากแนะนำให้ควบคุมน้ำหนักไม่ให้ขึ้น
- ผู้ที่มีดัชนีมวลกายประมาณ25 ถ้าหากมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรคเบาหวานเช่นมีพี่ น้อง พ่อแม่เป็นเบาหวาน มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ แนะนำให้ลดน้ำหนักลงจนดัชนีมวลกายประมาณ 22
- ผู้ป่วยมีโรคเหล่านี้ร่วมด้วยจำเป็นต้องลดน้ำหนักอย่างรีบด่วน
- มีโรคหลอกเลือดหัวใจตีบร่วมด้วย เช่นเคยเจ็บหน้าอก เคยนอนในโรงพยาบาลเพราะว่าเจ็บหน้าอก เคยผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ หรือเคยถ่างหลอดเลือดหัวใจ
- มีโรคหลอดเลือดแดงแข็งร่วมด้วย เช่นหลอดเลือดแดงขาตีบ หลอดเลือดแดงในท้องโป่งพอง หลอดเลือดแดงที่คอตีบ
- เบาหวานชนิดที่สอง
- เป็นโรค sleep apnea ผู้ป่วยจะนอนกรนเสียงดัง และจะหยุดหายใจชั่วขณะและผู้ป่วยต้องตื่น
- ผู้ที่เป็น Metabolic syndrome
- ผู้ป่วยมีโรคที่เกิดจากความอ้วนหรือไม่ เช่น ข้อเสื่อม osteoarthritis นิ่วในถุงน้ำดี gall stone ปวดประจำเดือน ถ้าหากมีโรคดังกล่าวก็ต้องลดน้ำหนัก
- ผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดหรือไม่ หากผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวจำเป็นต้องลดน้ำหนัก
- ปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่น เช่น
- การขาดการออกกำลังกาย การแก้ไขให้ออกกำลังกาย
- ไขมัน triglyceride ในเลือดสูง
หากท่านผู้อ่านมีน้ำหนักเกินโดยมีดัชนีมวลกายมากกว่า 25 และมีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้นควรต้องลดน้ำหนัก