การตรวจหลังจากเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
หลังกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจะเกิดอะไรขึ้น
ในสมัยก่อนเมื่อผู้ป่วยเป็นกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จะมีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 36 หลังจากเกิดโรค 1 เดือน(ร้อยะ 19 เสียชีวิตในสัปดาห์แรก) หลังจากที่มีการศึกษาอย่างจริงจังตั้งแต่ปี คศ 1970 เป็นต้นมาอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจก็ลดลงเป็นลำดับ แต่ยังไรก็ตามโรคหลอดเลือดหัวใจก็ยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆของประเทศ
ปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- ความสามารถในการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด
- ปริมาณของกล้ามเนื้อหัวใจที่เหลือ
- ความผิดปกติของระบบไฟฟ้าหัวใจ
ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดกลุ่มใดเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง
กลุ่มที่มีอัตราเสี่ยงสูงได้แก่
- ผู้ป่วยที่เคยมีกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดมาก่อน
- ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอก
- ผู้ป่วยที่มีอาการแสดงหัวใจวาย(มีเลือดคั่ง) หรือทดสอบแล้วว่ากล้ามเนื้อหัวใจทำงานไม่ดี(<40%)
- ความดันโลหิตต่ำ
- หัวใจเต้นผิดปกติชนิด heart block
- ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตไม่คงที่ร่วมกับหัวใจเต้นผิดปกติ
- ผู้ป่วยมีความผิดปกติของ กล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ หรือผนังหัวใจ
กลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงจะมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 25 ต่อปีกลุ่มนี้ควรจะได้รับการสวนหัวใจ ( cardiac catherization) ฉีดสีดูหลอดเลือดหัวใจเพื่อพิจารณาเปิดทางเดินหลอดเลือดด้วยวิธีบอลลูนหรือการผ่าตัด
ส่วนผู้ป่วยที่นอกเหนือกลุ่มดังกล่าวจัดเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ กลุ่มนี้อัตราตายประมาณร้อยละ 1-3 ต่อปี แต่ยังจำเป็นต้องแยกผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง โดยการวิ่งสายพาน สำหรับวิธีการวิ่งสายพานมีด้วยกัน 2 วิธีกล่าวคือ
- การวิ่งสายพานก่อนกลับบ้าน จะทดสอบวิ่งแบบไม่เต็มที่ประมาณ 5-7 วันหลังจากเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย ถ้าผลตรวจผิดปกติเล็กน้อยหรือปกติก็ให้นัดมาทดสอบแบบเต็มที่อีกครั้งประมาณ3-6สัปดาห์หลังเกิด
- การวิ่งสายพานหลังกลับบ้าน จะทำการวิ่งแบบเต็มที่ประมาณ 14-21 วันหลังกล้ามเนื้อหัวใจตาย
มีวิธีการตรวจอะไรบ้างเพื่อประเมินอัตราความเสี่ยง
การทดสอบด้วยการออกกำลังกาย( Exercise Stress Test)
เป้าหมายพื้นฐานของการทดสอบด้วยการออกกำลังกาย(exercise test)ภายหลังกล้ามเนื้อหัวใจตายคือ
- ประเมินความสามารถของผู้ป่วยในการกลับไปทำงาน
- ประเมินประสิทธิภาพของยาที่ใช้ในการรักษา
- แบ่งแยกกลุ่มผู้ป่วยตามอัตราเสี่ยง
สำหรับการทดสอบโดยการออกกำลังกายหลังเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายจะทำแบบไม่เต็มที่(submaximal exercise test) มีข้อกำหนดดังนี้
- ชีพขจรขึ้นสูงสุดถึง 123-130 ครั้งต่อนาที
- ชีพขจรขึ้นสูงถึงร้อยละ 70 ของค่าชีพขจรสูงสุดที่คำนวณได้ของผู้ป่วยแต่ละคนตามเพศ อายุ น้ำหนัก และส่วนสูง สูตรการคำนวณอ่านที่นี่
- ออกกำลังกายคิดเป็นปริมาณงานได้ 5 METS พลังงานอ่านที่นี่
- มีอาการหัวใจขาดเลือด หรือคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ
- ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอกหรือเหนื่อย
- ST-Depression มากกว่า 2 มม
- ความดันโลหิตลดลง
- กราฟการเต้นของหัวใจเต้นผิดปกติ PVC>3-4
ผู้ป่วยกลุ่มที่การทดสอบให้ผลบวกหมายถึงมีอาการแสดงของหัวใจขาดเลือด กลุ่มนี้จะต้องได้รับการตรวจด้วยการด้วยการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ สำหรับกลุ่มที่ผลการทดสอบให้ผลลบสามารถให้การรักษาด้วยยาในระยะแรก จนเมื่อดีขึ้นจึงมาทดสอบที่ระดับสูงกว่า
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนร่วมกับการกระตุ้นหัวใจ ( Stress Echocardiography)
เป็นการตรวจกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดด้วยการตรวจด้วยคลื่ยเสียงความถี่สูงร่วมกับการออกกำลังกายโดยอาศัยหลักการที่ว่า หากมีเส้นเลือดตีบไม่มากเลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ แต่เมื่อออกกำลังเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอกล้ามเนื้อหัวใจจะทำงานน้อยลงซึ่งเราจะเห็นจากคลื่นเสียงความถี่สูง
สำหรับการกระตุ้นหัวใจอาจจะใช้ยาหลายชนิดในการกรตุ้นหัวใจ เช่น Dobutamin,dipyridamole ,adenosine
การตรวจด้วยวิธีทางรังสี (Radionuclide Imaging Study)
มีประโยชน์หลายอย่างคือ
- ตรวจหากล้ามเนื้หัวใจตาย
- คำนวณปริมาตรกล้ามเนื้อหัวใจตาย
- ตรวจหากล้ามเนื้อหัวใจที่ยังขาดเลือด
- ตรวจหากล้ามเนื้อที่ไม่ทำงาน(hibernateing myocardium)
- ดูการทำงานของหัวใจ
- ทำนายโรค
หลักการคือฉีดสารรังสี Thallium ก่อนและหลังออกกำลังกาย เพื่อตรวจหากล้ามเนื้อหัวใจที่ตาย ขาดเลือด
การตรวจโดย Positron emission tomography
เป็นการตรวจที่ดีที่สุดในการตรวจหากล้ามเนื้อหัวใจทียังมีชีวิต แต่ข้อเสียคือราคาแพง
การตรวจหาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ (Cardiac Arrhythmia)
พบว่าหากมีการเต้นของหัวใจผิดปกติชนิด VPC 3-10 /ชั่วโมง หรือมีการเปลี่ยนแปลงของ ST Segment depression ผู้ป่วยจะมีอัตราการเสียชีวิต 2-3 เท่า
การตรวจสวนและฉีดสีดูหลอดเลือดหัวใจ
ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอกและทดสอบโดยการวิ่งสายพานแล้วให้ผลบวกแพทย์จะแนะนำให้ฉีดสี ส่วนผู้ที่กล้ามเนื้อหัวใจตายแพทย์จะแนะนำฉีดสีในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น
กล้่ามเนื้อหัวใจขาดเลือด |