ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides)
เมื่อรับประทานอาหารจะผ่านการย่อยในปาก กระเพาะอาหารและผ่านลงไปยังลำไส้เล็ซึ่งจะถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก และ บริเวณผนังด้านในลำไส้เล็กจะมี ไคโลไมครอน(chylomicron ) ซึ่งเป็นไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ำที่สุด (VLDL ) ซึ่งทำหน้าที่ในการขนส่งลำเลียงสารอาหารประเภทไขมันจากลำไส้เล็กผ่านระบบท่อน้ำเหลือง (lymphatic system) เข้าสู่การไหลเวียนของเลือดทางหลอดเลือดดำ เมื่อไคโลไมครอนออกจากผนังลำไส้เล็กจะอยู่ในกระแสเลือด 12 ชั่วโมง ดังนั้นการเจาะเลือดตรวจไตรกลีเซอไรด์จะต้องงดอาหาร 12 ชั่วโมง
ไขมันไตรกลีเซอไรด์นี้ จะถูกขนส่งโดย VLDL จากตับไปในเลือดเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย ส่วนเกินก็จะส่งไปเก็บยังเนื้อเยื่อไขมัน (adipose tissue) เพื่อเป็นพลังงานสำรอง หากมีมากเกินความจำเป็นของร่างกาย ก็จะมี ไตรกลีเซอไรด์หรือไขมันไปเก็บที่เนื้อเยื่อไขมันปริมาณมาก ทำให้เกิดภาวะ อ้วนลงพุง โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง จึงนำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือด สิ่งที่อันตรายคือตัว VLDL ที่ขนส่ง TG ไปสู่เนื้อเยื่อไขมันแล้วนั้น จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็น LDL ซึ่งส่งผลให้นำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจ
ข้อแตกต่างระหว่าง Triglycerides และ Cholesterol
Triglycerides แตกต่างจาก Cholesterol เพราะคอเลสเตอรอลนั้นไม่มีค่าในเชิงพลังงาน แต่ไตรกลีเซอไรด์เป็นไขมันแท้จริงมีค่าพลังงานเท่ากับประมาณ 9 แคลอรีต่อกรัม ดังนั้น ในยามจำเป็นที่ร่างกายขาดกลูโคส เช่น ในกรณีมิได้บริโภคอาหารคาร์โปไฮเดรต ร่างกายก็นำไตรกลีเซอไรด์ที่สะสมไว้ เอาออกมาเผาผลาญสร้างพลังงาน แต่ Cholesterol เป็นไขมันที่ไว้สร้าง สเตียรอยด์ฮอร์โมนและจำเป็นในเซลล์ต่างๆของร่างกาย ไม่ได้ไว้เป็นพลังงานให้กับร่างกายแต่อย่างใด
ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) สูงทำให้เกิดโรค
- จะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดแข็ง
- ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน
- จะพบในผู้ป่วยที่ควบคุมไขมันไม่ดี
- ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดแข็ง
- พบในภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย โรคตับ โรคไต
- พบในผู้ป่วยที่รับประทานยาบางชนิด
ค่าปกติของ ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides)
ค่า TG ปกติ [งดอาหาร ก่อนเจาะเลือดนาน 12 ชม.] | |
ค่าน้อยกว่า 150 mg/dL | ปกติ |
ค่าช่วง 150 - 199 mg/dL | เกือบสูง |
ค่าช่วง 200 - 499 mg/dL | สูง |
มากกว่า 500 mg/dL | สูงมาก |
ค่าสูงผิดปกติ
- สาเหตุการเพิ่มขึ้นของระดับไตรกลีเซอไรด์
- ภาวะอ้วน หรือน้ำหนักเกิน
- ไม่ออกกำลังกาย
- สูบบุหรี่
- การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
- รับประทานมากเกินกว่าการนำพลังงานไปใช้ในแต่ละวัน
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวานโดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้, ไทรอยด์ทำงานน้อย โรคไตเรื้อรัง, โรคไตเนโฟรติก (nephrotic syndrome)
- การได้รับยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์, เอสโตรเจน, ยาคุมกำเนิด และยาอื่นๆ ดังนั้นหากกำลังได้รับยาหรือสมุนไพรใดๆอยู่ ควรแจ้งแพทย์เพื่อประเมินแนวทางการรักษาต่อไป
- พันธุกรรม (Genetic factors)
2. แนวทางการรักษาไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) สูง
- ผู้ที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์สูง โดยเฉพาะ ค่ามากกว่า 200 mg/dL ขึ้นไป
- พิจารณาให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนี้
- ออกกำลังกายเพิ่มการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 ครั้งต่อสัปดาห์ เช่น การออกกำลังกาย การเดินเร็ว ซึ่งควรเป็นกิจกรรมที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล
- ลดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน และอาหารทุกชนิดที่มากเกินต่อวัน
- พร้อมตรวจติดตามระดับไตรกลีเซอไรด์ ตามแพทย์สั่งเพื่อประเมินแนวทางการรักษาต่อไป
- ลดหรืองดปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อระดับไตรกลีเซอไรด์สูง และลดปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจ ตามข้อมูลข้างต้น
- หากระดับไตรกลีเซอไรด์สูงมากกว่า 500 mg/dL อาจจะต้องพิจารณาได้รับยาเพื่อลดระดับไตรกลีเซอไรด์ลง เนื่องจากอาจจะนำไปสู่ภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันได้ (acute pancreatitis) ดังนั้นพิจารณาพบแพทย์เพื่อพิจารณาการรักษาซึ่งในกรณีนี้แพทย์อาจต้องรักษาก่อนการรักษาการลดระดับ LDL-c
Cholesterol | LDL | HDL | Triglyceride | โรคไขมันในเลือดสูง | ไขมันในเลือดสูงในผู้ป่วยโรคเบาหวาน | ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ