การรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด

การรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดสามารถแบ่งออกเป็น

โรคปวดหลังที่เกิดจากโรคทางอายุรกรรมเช่นข้ออักเสบ กระดูกพรุน หรือการตั้งครรภ์ไม่จำเป็นต้องรักษาโดยการผ่าตัด และส่วนใหญ่จะหายได้เองการรักษาเมื่อเกิดอาการปวดหลังใหม่ๆ

  1. การพักโดยมากแนะนำไม่ให้เกิน 2-3 วันหากอาการปวดไม่รบกวนการทำงานก็ไม่จำเป็นต้องพัก การพักนานๆจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงจะเป็นผลเสียต่ออาการปวดหลัง จะต้องนอนพักให้อย่างเพียงพอ ท่าที่นอนที่ดีคือนอนตะแคงและมีหมอนข้างอยู่ระหว่างเข่า หรือนอนหงายเอาหมอนข้างรองเข่า
  2. การทำกายภาพบำบัด โดยเฉพาะการลดอาการปวดหลังที่เกิดอย่างเฉียบพลันแบ่งออกเป็น
  • การประคบร้อนหรือประคบเย็น (Heat/ice packs) การประคบร้อนหรือประคบเย็นจะช่วยลดอาการปวดบางคนใช้ความร้อนแล้วได้ผล บางคนใช้ความเย็นแล้วได้ผล บางคนอาจจะใช้สลับกัน โดยทั่วไปแนะนำให้ประคบครั้งละ 10-20 นาทีทุก 2 ชั่วโมงมักใช้ได้ผลในกรณีปวดแบบปัจจุบันส่วนใหญ่หลังอุบัติเหตุใหม่ๆให้ประคบเย็นครั้งละไม่เกิน 20 นาที(เอาน้ำแข็งใส่ถุงพลาสติกแล้วใช้ผ้าคลุม)ก่อนหลังจากนั้นจึงประคบร้อนครั้งละไม่เกิน 20 นาที
  • TENS unit(transcutaneous electrical nerve stimulator (TENS))คือการฝังเข็มแล้วกระตุ้นด้วยไฟฟ้า
  • Iontophoresis คือการทายา steroid ที่ผิวหนังแล้วกระตุ้นด้วยไฟฟ้าเพื่อให้ยาถูกดูดซึม สามารถลดอาการปวดแบบเฉียบพลันได้ผลดี
  • ultrasound เป็นการใช้ความร้อนผ่านทางคลื่นเสียงใช้ได้ผลดีสำหรับปวดแบบเฉียบพลัน


  1. การบริหารและการออกกำลังกาย การออกกำลังและการบริหารจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรง และลดอาการปวดหลังการออกกำลังกายเป็นประจำจะป้องกันโรคปวดหลัง ลดความรุนแรงและระยะเวลาที่ปวดเป็นการทำด้วยตัวเองประกอบไปด้วย
  • Stretching การบริหารชนิดนี้จะช่วยทำให้เนื้อเยื่อ เอ็น กล้ามเนื้อ รอบกระดูกสันหลังมีการเคลื่อนไหวและยืดหยุ่น หากมีการเกร็งของกล้ามเนื้อหรือเอ็นจะทำให้มีอาการปวดหลัง ผู้ที่มีโรคปวดหลังควรจะมีการยืดกล้ามเนื้อ hamstring ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดหลัง ควรจะทำวันละ 2 ครั้งครั้งละ 30-45 วินาทีโดยทำทุกเช้าหลังตื่นนอน
  • Strengthening/pain relief exercises 
  • Low-impact aerobic conditioning เป็นการออกกำลังที่สำคัญในการลดอาการปวดหลังและป้องกันอาการปวดหลัง ผู้ที่ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอจะไม่ค่อยมีอาการปวดหลัง สามารถทำงานได้ใกล้เคียงคนปกติ หากมีอาการปวดหลังก็จะปวดไม่มากและหายเร็วควรจะออกวันละ 30-40 นาทีให้ได้ aerobic หัวใจเต้นได้ตามเกณฑ์ มีการออกกำลังได้หลายวิธี เช่นการเดิน การขี่จักรยาน การออกกำลังกายในน้ำ การออกกำลังในน้ำจะลดอาการปวดหลังควรจะทำในช่วงเริ่มต้น เมื่ออาการปวดดีขึ้นจึงไปออกบนดินทำเป็นประจำวันเว้นวัน
  1. Chiropractic/osteopathic 
  2. การใช้ยายาลดการอักเสบ NSAID ยาที่นิยมใช้ได้แก่
  • ยากลุ่ม NSAID ตัวอย่างของยาเช่น aspirin ibuprofen naproxyn ยากลุ่มนี้ควรจะรับประทานพร้อมอาหารเพื่อลดอาการปวดท้อง หรือเลือดออกทางเดินอาหาร และอาจจะมีความเสี่ยงต่อเลือดออกหลังหยุดยานี้แล้วหนึ่งปี ยากลุ่มนี้ไม่ควรใช้ติดต่อกันระยะยาวโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ aspirin และ ibuprofen จะมีผลทางกระเพาะน้อยกว่า naproxyn และ ketoprofen สำหรับผู้ที่มีโรคไต ตับ ความดันโลหิตสูง รับประทานยาขับปัสสาวะ และโรคเบาหวานควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา ควรจะหยุดยานี้ก่อนผ่าตัดหนึ่งสัปดาห์
  • COX2-inhibitor เป้นยาแก้ปวดกลุ่มใหม่ที่ไม่มีผลต่อกระเพาะเช่น cerecoxib
  • paracetamol ใช้เป็นยาแก้ปวดแต่ได้ผลน้อยกว่ากลุ่ม NSAID
  • แพทย์บางท่านอาจจะจ่ายยาคลายกล้ามเนื้อให้ผู้ป่วย แต่ผู้เชี่ยวชาญบางท่านไม่แนะนำ

บทนำ | กล้ามเนื้อหลัง | กระดูหลัง | หมอนรองกระดูก | เส้นประสาท| สาเหตุ | สาเหตุอื่น | การบริหารกล้ามเนื้อหลัง | การเลือกเก้าอี้ | การรักษา |การเลือกหมอน | การเลือกเตียง