ยาแก้ไอ

อาการไอเป็นกลไกการตอบสนองของร่างกายต่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในระบบทางเดินหายใจ การไอจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ แต่ในบางครั้งโรคหรือยาบางอย่างกลับมีผลทำให้เกิดอาการไอมากเกินกว่าปกติ ซึ่งอาจเพียงทำให้เกิดความรำคาญหากไอไม่รุนแรงและหายได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าไออย่างรุนแรงและยาวนานอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของระบบทางเดินหายใจ และอาจส่งผลถึงกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ต้องใช้ในการไอด้วย ซึ่งวิธีการรักษาอาการไอที่ดีที่สุดคือ การกำจัดที่สาเหตุของอาการไอ เช่น การเลิกสูบบุหรี่ การหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เป็นต้น ยาแก้ไอสามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ด้วยกัน ได้แก่

ยาแก้ไอสำหรับอาการไอแบบมีเสมหะ

ซึ่งอาจแบ่งย่อยออกเป็นสองกลุ่ม ได้แก่

1) ยาขับเสมหะ (Expectorants) ที่ออกฤทธิ์โดยทำให้ร่างกายสร้างสารน้ำออกมาหล่อเลี้ยงทางเดินหายใจมากขึ้น และ

2) ยาละลายเสมหะ (Mucolytics) ที่ออกฤทธิ์ต่อเสมหะโดยตรงและทำให้เสมหะข้นเหนียวน้อยลง ซึ่งยาทั้งสองกลุ่มจะช่วยให้ผู้ป่วยไอและขับเสมหะออกมาได้ง่ายขึ้น มักใช้ในอาการไอที่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น หวัด คออักเสบ หลอดลมอักเสบ โดยช่วงแรกของการรับประทานยาผู้ป่วยอาจไอถี่ขึ้น แต่จะลดลงเมื่อผู้ป่วยไอและขับเสมหะออกมาได้แล้ว ตัวยาแก้ไอหลายชนิดผสมอยู่กับยาขยายหลอดลม ซึ่งอาจมีผลทำให้ใจสั่นได้หากใช้ยามากเกินไป ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ได้แก่

ยาแก้ไอสำหรับอาการไอแบบมีเสมหะ ตัวอย่างชื่อการค้า
ยาขับเสมหะ Guaifenesin (Glyceryl guaiacolate) Bronchonyl, Glycolate, Qualiton, Robitussin, Royalin, Salmol Expectorant, Tolbin Expectorant
ยาละลายเสมหะ
Bromhexine Bisolvon, Bromcolex, Bromoson, Bromso, Bromxine, Cohexine, Disol
Ambroxol Amtuss, Mucolid, Mucosolvan, Simusol, Strepsil Chesty Cough
Acetylcysteine Acetin, Flemex-AC, Fluimucil, Mucolid-SF, Nac Long, Mysoven
Carbocysteine Amicof, Carbomed, Carsemex, Elflem, Flemex, Rhinathiol, Siflex -

หมายเหตุ – ชื่อการค้าของยาหลายชนิด เป็นยาแก้ไอที่ผสมกับตัวยาแก้ไอกลุ่มอื่น ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้แพ้

ยาแก้ไอสำหรับอาการไอแห้ง หรือบางครั้งเรียกยากลุ่มนี้ว่ายากดอาการไอ (Antitussives) ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กลไกตอบสนองของร่างกายต่ออาการไอเกิดขึ้นน้อยลงและช่วยบรรเทาอาการไอ ยากลุ่มนี้โดยมากใช้สำหรับบรรเทาอาการไอที่เกิดจากการแพ้หรืออาการไออื่นๆ ที่ไม่มีเสมหะ เพราะหากใช้ในอาการไอแบบมีเสมหะ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสมหะที่เหนียวข้นอยู่แล้วถูกขับออกมาจากทางเดินหายใจได้ยากขึ้น จนเกิดอาการระคายเคืองและทำให้อาการไอรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมได้ รวมทั้งยาบางตัวอาจทำให้เกิดการเสพติด หรือก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงได้ ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ได้แก่

ยาแก้ไอสำหรับอาการไอแห้ง ตัวอย่างชื่อการค้า
Dextromethorphan A-Tussin, Dextroral, Eifcof-G, Icolid, Lohak, Manodextro, Pusiran, Romilar, Stripsils Dry Cough, Throatsil Dex, Terco-D
Codeine Codipront, Codepect, Codesia, Ropect, Terco-C
Levodropropizine Bronal, Levopront
Butamirate Sinecod

หมายเหตุ

– ชื่อการค้าของยาหลายชนิด เป็นยาแก้ไอที่ผสมกับตัวยาแก้ไอกลุ่มอื่น ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้แพ้

ในการใช้ยาบรรเทาอาการไอนั้น บางครั้งอาจได้รับยาสูตรที่มีตัวยาแก้ไอหลายชนิดผสมกัน หรือบางครั้งอาจได้รับยาแก้ไอเดี่ยวๆ มากกว่าหนึ่งชนิดพร้อมกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หากเป็นไปได้ควรเลือกชนิดของยาที่สอดคล้องกับลักษณะของอาการไอให้มากที่สุด เพื่อช่วยให้ใช้ยาได้ผลตรงตามประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดจากยาโดยไม่จำเป็น หากจะใช้ยามากกว่าหนึ่งกลุ่มร่วมกัน ควรเลือกยาที่ออกฤทธิ์คนละกลไกกัน เช่น ใช้ยาขับเสมหะร่วมกับยาละลายเสมหะ หรือ ใช้ยากดอาการไอร่วมกับยาละลายเสมหะ ไม่ควรใช้ยากลุ่มเดียวกันซ้ำซ้อนกัน เพราะไม่ทำให้ประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้น

 

หอบหืด

โรคหอบหืด

โรคหอบหืดเป็นโรคที่เกิดจากภูมิแพ้จะมีอาการหอบ หรือเหนื่อยเมื่อสัมผัสสารภูมิแพ้ การรักษาต้องหลีกเลี่ยงและใช้ยาพ่นป้องกันอาการหอบหืด โรคหอบหืด


ปอดบวม

โรคปอดบวม

โรคปอดบวมเกิดจากปอดติดเชื้อโรคทำให้มีเซลล์เม็ดเลือดขาว และเชื้อโรคในปอด ผู้ป่วยจะมีอาการหอบเหนื่อย ไอมีเสมหะ ไข้สูง ปอดบวม


หลอดลมอักเสบ

โรคหลอดลมอักเสบ

โรคหลอดลมอักเสบเกิดจากเชื้อโรค ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดลม ผู้ป่วยจะมีไข้ ไอ แต่ไม่หอบมาก หลอดลมอักเสบ