การกักตัวเอง
การกักตัวเองจะเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 การกักตัวเองจะทำในราย
- ผู้ที่ผลตรวจให้ผลบวก และมีอาการไม่มาก โดยปกติกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้จะต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อลดการแพร่กระจายของโรค แต่หากเตียงโรงพยาบาลเต็มผู้ป่วยที่อาการไม่หนักจะกักตัวที่บ้าน
- ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยงจะต้องกักตัวเอง 14 วัน
- ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคโควิด
- ผู้ที่อยู่ในสถานที่หรือเหตุการณ์ที่มีผู้ป่วยโควิด
ให้ประชาชนที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 แยกสังเกตอาการ ณ ที่พักอาศัย โดยมีคำแนะนำในการปฏิบัติตัวดังนี้
1. การปฏิบัติตนระหว่างกักตัวที่บ้าน
- ให้หยุดการไปเรียน ไปทำงาน เข้าร่วมกิจกรรมของสถานที่ที่มีการรวมคนจำนวนมาก
- ควรนอนแยกห้อง ไม่ออกไปนอกบ้าน ไม่เดินทางไปที่ชุมชนหรือที่สาธารณะอย่างน้อย 14 วัน นับจากวันเดินทางกลับจากพื้นที่ระบาดหรือสัมผัสผู้ป่วย
- รับประทานอาหารแยกจากผู้อื่น ควรเป็นอาหารจานเดี่ยว และนั่งห่างกันสองเมตร
- ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ โทรศัพท์ ร่วมกับผู้อื่น
- ล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนและหลังรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ หลังจามหรือไอ ด้วยน้ำและสบู่อย่างน้อย 20 วินาที กรณีไม่มีน้ำและสบู่ ให้ลูบมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ความเข้มข้นอย่างน้อย 60%
- เมื่อออกนอกห้องให้สวมหน้ากากอนามัย และอยู่ห่างจากคนอื่น ๆ ในบ้านประมาณ 2 เมตร
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดบุคคลอื่นในที่พักอาศัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ
- การทิ้งหน้ากากอนามัย ใช้วิธี ใส่ถุงพลาสติก และปิดปากถุงให้สนิทก่อนทิ้งลงในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด และทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์เจล หรือน้ำและสบู่ทันที
- ปิดปากจมูกด้วยกระดาษทิชชูทุกครั้งที่ไอจาม โดยปิดถึงคาง แล้วทิ้งทิชชูลงในถุงพลาสติกและปิดปากถุงให้สนิทก่อนทิ้ง หรือใช้แขนเสื้อปิดปากจมูกเมื่อไอหรือจาม และทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์ หรือน้ำและสบู่ทันที
- ดื่มน้ำให้มากจนปัสสาวะใส
- นอนหลับให้พอ
- ทำความสะอาด เตียง โต๊ะ บริเวณของใช้รอบ ๆ ตัว รวมถึงห้องน้ำด้วยน้ำยาฟอกขาว 5% โซเดียมไฮโปคลอไรท์ (น้ำยาฟอกขาว 1 ส่วนต่อน้ำสะอาด 99 ส่วน)
- ทำความสะอาดเสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ผ้าขนหนู ฯลฯ ด้วยสบู่หรือผงซักฟอกธรรมดาและน้ำ หรือซักผ้าด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิน้ำ 70-90 องศาเซลเซียส
2. วิธีการสังเกตและแนวทางปฏิบัติเมื่อมีอาการป่วย
- กรณีที่มีหอพักและเจ้าหน้าที่ควรจัดให้มีจุดคัดกรองอุณหภูมิด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิแบบมือถือ (Handheld Thermometer) ที่หน้าหอพักในผู้ที่เดินทางจะเข้าออกหอพักทุกคน
- ให้ผู้เดินทางสังเกตอาการไข้และอาการระบบทางเดินหายใจ แนะนำให้วัดอุณหภูมิร่างกายทุกวัน
2.1 อาการไข้ ได้แก่
- วัดอุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป หรือ
- มีอาการสังสัยว่ามีไข้ ได้แก่ ตัวร้อน ปวดเนื้อปวดตัว หนาวสั่น
2.2 อาการระบบทางเดินหายใจ ได้แก่
- ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อย หรือ หายใจลำบาก
- หากพบอาการป่วยข้อใดข้อหนึ่ง ให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง โดยขณะเดินทางมาโรงพยาบาลโดยรถยนต์ส่วนตัวให้เปิดหน้าต่างรถยนต์ไว้เสมอ
3. การปฏิบัติตัวของคนในบ้านและการทำลายเชื้อ
- ทุกคนในบ้านควรล้างมือบ่อยครั้งที่สุด เพื่อลดการรับและแพร่เชื้อ โดยใช้น้ำและสบู่อย่างน้อย 20 วินาที กรณีไม่มีน้ำและสบู่ ให้ลูบมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ความเข้มข้นอย่างน้อย 70%
- เฝ้าระวังอาการเจ็บป่วยของผู้สัมผัสใกล้ชิดหรือสมาชิกในบ้าน ภายในระยะเวลา 14 วัน หลังสัมผัสผู้ป่วย
- ควรนอนแยกห้องกับกลุ่มเสี่ยง
- อาจรับประทานอาหารร่วมกันได้ แต่ให้เป็นอาหารจานเดี่ยว และนั่งห่างกัน 2 เมตร
- ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ร่วมกับกลุ่มเสี่ยง
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดในระยะ 2 เมตร
- ทำความสะอาด เตียง โต๊ะ บริเณของใช้รอบ ๆ ตัวของผู้ป่วย รวมถึงห้องน้ำ ด้วยน้ำยาฟอกขาว 5% โซเตียมไฮโปคลอไรท์ (น้ำยาฟอกขาว 1 ส่วนต่อน้ำสะอาด 99 ส่วน)
- ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส เช่นราวบันได ลูกบิดประตู ก๊อกน้ำ โทรศัพท์ remote
- ทำความสะอาดเสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ผ้าขนหนู ฯลฯ ด้วยสบู่หรือผงซักฟอกธรรมดาและน้ำ หรือซักผ้าด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิน้ำ 70-90 องศาเซลเซียส
- หากมีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดห้องพักของผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ระบาด เช่น แม่บ้าน ควรใส่ชุดป้องกันร่างกาย ได้แก่ หน้ากากอนามัย หมวกคลุมผม แว่นตากันลม ถุงมือยาง รองเท้าบู๊ท และผ้ากันเปื้อนพลาสติก