jrprint

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน

adv

ไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ที่มีอาการรุนแรงจะมีอาการอะไรบ้าง

หลังที่มีการระบาดของไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากทุกทวีป และประเทศที่มีการระบาดมาประชุม เพื่อจัดทำแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และได้ปรับปรุงแนวทางการรักษาไว้ดังนี้

ข้อมูลทั่วๆไป

ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้โรคไข้หวัดใหญ่มีอาการรุนแรง

ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่รับไว้จะมีความเสี่ยงอย่างน้อยหนึ่งข้อ แต่ก็มีประมาณหนึ่งในสามเป็นคนแข็งแรงปกติที่มีอาการรุนแรง

ผู้ป่วยไข้หวัดสายพันธ์ใหม่แบ่งออกเป็น

  1. ผู้ป่วยที่มีโรคแทรกซ้อน หรือมีอาการรุนแรง ผู้ป่วยจะมาด้วยอาการ

อาการและอาการของโรคที่แสดงว่าโรคมีการเปลี่ยนแปลงที่แย่ลง

ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ที่ไม่มีโรคแทรกซ้อนอาจจะมีการดำเนินของโรคเร็วจนตั้งตัวไม่ติด อาการอาจจะเปลี่ยนเป็นหนักภายในหนึ่งวัน อาการดังต่อไปนี้จะเป็นอาการที่บ่งว่าผู้ป่วยจะมีอาการหนัก ซึ่งผู้ที่ดูแลจะต้องเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด(หากมีอาการเหล่านี้ต้องส่งโรงพยาบาลอย่างรีบด่วน)

  1. อาการและอาการแสดงของโรคแทรกซ้อนที่เกิดในระบบประสาท
  1. มีหลักฐานว่าเชื้อยังแบ่งตัวหรือมีการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ไข้เป็นมากกว่า 3 วันและยังคงมีอาการอื่นๆ หรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
  2. มีอาการขาดน้ำ เช่น ซึม มึนงง ปัสสาวะออกน้อย

การป้องกันการติดเชื้อ

จากการระบาดที่ผ่านทำให้ทราบว่าการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์นี้เหมือนกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ การควบคุมการแพ่ระบาดจะต้องระวังช่วงที่มีไข้โดยการปฏิบัติตามนี้ สำหรับการพ่นยาขยายหลอดลม หรือการส่องกล้องจะต้องทำในห้องที่มีการควคุมการติดเชื้อ และสวมหน้ากากชนิด N95

จะต้องแยกผู้ป่วยนานเท่าไร

โดยทั่วไปประมาณ7วันนับจากมีอาการ หรือหนึ่งวันหลังไข้ลง

การตรวจวินิจฉัยโรค

การเจาะเลือดตรวจวินิจฉัยโรคจะทำได้สองกรณีคือ

ทั้งนี้เพื่อการวินิจฉัยว่าเกิดการระบาดได้เร็วขึ้น และให้การรักษาได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว เมื่อทราบว่ามีการระบาดแล้ว ผู้ป่วยที่มีอาการเหมือนไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ที่ไม่มีโรคแทรกซ้อนให้อยู่ที่บ้านและเฝ้าดูว่ามีอาการแทรกซ้อน หรือถายใน 72 ชมหลังเกิดอาการ เมื่อเกิดการระบาดจะเจาะเลือดเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อน

การรักษา

แนวทางการให้ยารักษา

  1. ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่เป็นไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ก็ควรจะได้รับยาต้านไวรัสให้เร็วที่สุด แม้ว่าจะมีอาการไม่มาก
  2. ผู้ป่วยที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง และมีอาการไม่มากไม่จำเป็นต้องได้รับตาต้านไวรัส

การให้ยาควรจะให้ให้เร็วที่สุดเพราะผลการรักษาจะดีกว่าการให้ยาช้า สำหรับแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็ยังสามารถให้นมลูกต่อได้ สำหรับผู้ป่วยที่ได้ยาไปแล้วห้าวัน และอาการยังไม่ดีขึ้นก็สงสัยว่าเชื้อจะมีการดื้อยา