มีกลิ่นปากหรือปากเหม็น

กลิ่นปาก

กลิ่นปากหรือปากเหม็น หรือลมหายใจไม่สะอาด หากเกิดขึ้นกับใครก็ทำให้ขาดความมั่นใจ จะปรึกษาใครก็รู้สึกเป็นสิ่งน่าอาย บทความนี้อาจจะช่วยให้ท่านลดกลิ่นปาก ตำแหน่งที่เกิดกลิ่นปากมากที่สุดคือลิ้นเนื่องจากผิวลิ้นหยาบ ดังนั้นหากเกิดกลิ่นปากลองทำความสะอาดลิ้นก่อนเป็นอันดับแรก

กลไกการเกิดกลิ่นปาก

  • เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในปากตายทำให้เกิดสาร sulfur ออกมาจึงเกิดกลิ่น
  • แบคทีเรียสลายอาหารที่อยู่ในปาก
  • น้ำลายลดลงทำให้เชื้อแบคทีเรีย หรืออาหารไม่ถูกชะล้าง กลิ่นปาก

สาเหตุของกลิ่นปาก

  • สาเหตุจากในปาก
  • กลิ่นปากตอนตื่นเช้า เป็นเรื่องปกติเพราะปากจะแห้งทำให้มีการหมัหมม สายหน่อยเมื่อมีน้ำลายกลิ่นปากจะลดลง
  • ปากแห้ง เป็นภาวะที่มีน้ำลายน้อยทำให้เกิดการหมักหมม เช่นตื่นนอนตอนเช้า โรคเบาหวาน หรือเกิดจากยา อ่านที่นี่
  • อาหาร เครื่องดื่มและยา สารเคมีในอาหารและยาจะถูกขับออกมา เช่นกลิ่นสุรา กระเทียมเป็นต้น ภาวะนี้จะเป็นชั่วคราว
  • การสูบบุหรี่
  • การอดอาหาร จะทำให้มีกลิ่น keytone
  • สาเหตุุจากโรค เช

ฝ้าขาวสาเหตุจากในปาก

กลิ่นปากส่วนใหญ่เกิดจากในปาก เชื้อแบคที่เรียย่อยโปรตีนและอาหารทำให้เกิดกลิ่นปาก ปัจจัยที่ส่งเสริมทำให้เกิดกลิ่นปากได้แก่

  • เศษอาหารที่ติดตามซอกฟัน ซึ่งการแปรงฟันไม่สามารถขจัดเศษอาหารเหล่านี้ได้
  • คราบหินปูน และโรคเหงือก ซึ่งจะมีเชื้อแบคทีเรียย่อยอาหารทำให้เกิดกลิ่น
  • ลิ้นสกปรก เป็นฝ้าซึ่งเกิดจากเศษอาหาร หรือเสมหะ ฝ้าเหล่านี้จะมีเชื้อโรคมากมาย การทำความสะอาดลิ้นจะช่วยลดกลิ่นปากลงได้

การดูแลเรื่องกลิ่นปาก

เรื่องอนามัยในช่องปาก

  • การแปรงฟันอย่างน้อยสองครั้งต่อสัปดาห์ แปรงให้ถูกวิธีและไม่แปรงแรงเกินไป อ่านที่นี่
  • การใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละครั้ง อ่านที่นี่ หากจะให้ดีควรจะทำวันละสองครั้ง
  • กหารปรึกษาทันตแพทย์ปีละสองครั้ง
  • ให้รับประทานอาหารครบ 3 มื้อทุกวัน
  • ให้ดื่มน้ำมะนาวซึ่งจะเพิ่มปริมาณน้ำลาย
  • ให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว

เรื่องอาหารและเครื่องดื่ม

อาหารน้ำตาลและที่เป็นกรดจะทำให้เกิดกลิ่นปาก และเกิดฟันผุ ควรจะหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าว

  • ลดปริมาณหรือความถี่อาหารที่มีรสหวาน และไม่ควรจะรับประทานอาหารหวานเป็นของว่าง
  • หลี่กเลี่ยงเครื่องดื่มที่เป็นกรด เช่นน้ำอัดลม น้ำผลไม้ ให้ดื่มไม่ต้องอมเพื่อลดเวลาที่ฟันสัมผัสกรด
  • ให้ดื่มน้ำ ชา หรือนม แทนเครื่องดื่มที่เป็นกรด
  • แปรงฟันหลังจากดื่มเครื่องดื่มที่เป็นกรดไม่เกินหนึ่งชั่วโมง

วิธีอื่นๆที่จะลดกลิ่นปาก

  • หยุดสูบบุหรี่เพราะการสูบบุหรี่จะเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคเหงือก
  • การใช้น้ำยาบ้วนปากสำหรับผู้ที่ปฏิบัติตัวเป็นอย่างดีแล้วยังมีกลิ่นปาก
  • การทำความสะอาดลิ้น
  • การเคี้ยวหมากฝรั่งชนิดที่ไม่มีน้ำตาล
  • การไม่ดื่มน้ำหรือไม่รับประทานอาหาร ทำให้แบคทีเรียไม่ถูกชะล้างจึงเกิดกลิ่นปาก
  • โรคฟัน เช่นฟันผุ สุขลักษณะช่องปากไม่ดี มีการขังของเศษอาหารในช่องปาก
  • กลิ่นจากอาหารที่รับประทานเข้าไป เช่นกาแฟ สุรา หอมใหญ่ กระเทียม พริก บุหรี่
  • หายใจทางปากเนื่องจากเป็นหวัด
  • โรคระบบทางเดินหายใจ เช่นผีในปอด ไซนัสอักเสบ คออักเสบ เป็นต้น
  • โรคบางชนิดเช่น โรคไต โรคตับ

ถ้าอาการไม่ดีภายหลังจากได้ปฏิบัติแล้ว10 วันให้ปรึกษาทันต์แพทย์หรือแพทย์ของท่าน

จะรู้ได้อย่างไรว่ามีกลิ่นปาก การทดสอบกลิ่นปาก

ล้างข้อมือด้วยสบู่ให้สะอาดแล้วล้างน้ำจนสะอาด ใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง เลีย 4 ครั้งหลังจากนั้น 30 นาทีให้ดมว่ามีกลิ่นหรือไม่

กลิ่นปากในเด็ก

ท่านผู้ปกครองหากเด็กมีกลิ่นปากไม่หายท่านไม่ต้องกังวลว่าจะเด็กจะมีโรคเหมือนผู้ใหญ่ เช่น โรคที่ศีรษะ คอ และกระเพาะอาหารเพราะว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของกลิ่นปากเกิดจากในปาก สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่

  • สุขอนามัยไม่ดีมีเศษอาหารและเชื้อแบคทีเรียเหลือตามซอกฟันเด็กมักจะมีกลิ่นมากมากในตอนเช้าหากเป็นมากจะมีตอนสาย
  • ฟันผุบางรายเด็กไม่มีอาการปวดฟันแต่มีฟันผุ
  • ไซนัสอักเสบทั้งเฉียบพลันและเรื้อรังสามารถทำให้เกิดกลิ่นปากได้ นอกจากกลิ่นปากเด็กโดยมากจะเกิดอาการ น้ำมูกไหล ไอกลางคืน
  • คออักเสบ เด็กจะมีไข้เจ็บคอและมีกลิ่นปาก
  • ภูมิแพ้ทำให้มีเสมหะไหลไปที่คอทำให้เกิดกลิ่นปาก

คำแนะนำ

  • อย่าทำให้เด็กขาดความมั่นใจ ควรใช้โอกาสนี้สอนเด็กแปรงฟัน และล้างปาก
  • เลือกแปรงที่มีขนาดเหมาะกับปากและมีขนอ่อนนุ่มพอควรพร้อมยาสีฟัน ยาสีฟันควรมีสาร fluoride
  • ควรแปรงฟันพร้อมเด็ก ให้เด็กแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง
  • สอนเด็กใช้ Dental flossing
  • หากเห็นเศษอาหารติดที่คอก็ให้เด็กกรวกคอบ้วนปาก
  • ให้ตรวจฟันทุกปี

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

การดูและฟัน | คราบหินปูน | สาเหตุโรคเหงือก | สุขอนามัยช่องปาก | โรคเหงือกอักเสบ |