ตาแดง

โรคตาแดงเป็นโรคตาที่พบได้บ่อย เป็นการอักเสบของเยื่อบุตา (conjuntiva)ที่คลุมหนังตาบนและล่างรวมเยื่อบุตาที่คลุมตาขาว โรคตาแดงอาจจะเป็นแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง สาเหตุอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีบ ไวรัส Chlamydia trachomatis ภูมิแพ้ หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส มักจะติดต่อทางมือ ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวโดยมากใช้เวลาหาย 2 สัปดาห์ ตาแดงจากโรคภูมิแพ้มักจะเป็นตาแดงเรื้อรัง มีการอักเสบของหนังตา ตาแห้ง การใช้contact lens หรือน้ำยาล้างตาก็เป็นสาเหตุของตาแดงเรื้อรัง

อาการของโรคตาแดง

แพทย์จะถามถึงยาที่ท่านรับประทาน ยาหยอดตา เลนส์ น้ำยาล้างตา รยะเวลาที่เป็น อาการที่สำคัญคือ

  1. คันตา เป็นอาการที่สำคัญของผู้ป่วยตาแดงที่เกิดจากภูมิแพ้ อาการคันอาจจะเป็นมากหรือน้อย คนที่เป็นโรคตาแดงโดยที่ไม่มีอาการคันไม่ใช่เกิดจากโรคภูมิแพ้ นอกจากนั้นอาจจะมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวเช่นหอบหืด ผื่นแพ้
  2. ขี้ตา ลักษณะของขี้ตาก็ช่วยบอกสาเหตุของโรคตาแดง
  • ขี้ตาใสเหมือนน้ำตามักจะเกิดจากไวรัสหรือโรคภูมิแพ้
  • ขี้ตาเป็นเมือกขาวมักจะเกิดจากภูมิแพ้หรือตาแห้ง
  • ขี้ตาเป็นหนองมักจะร่วมกับมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้าทำให้เปิดตาลำบากสาเหตุมักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
  1. ตาแดงเป็นข้างหนึ่งหรือสองข้าง
  • เป็นพร้อมกันสองข้างโดยมากมักจะเกิดจากภูมิแพ้
  • เป็นข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยเป็นสองข้าง สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อเช่นแบคทีเรีย ไวรัส หรือ Chlamydia
  • ผู้ที่มีโรคตาแดงข้างเดียวแบบเรื้อรัง ชนิดนี้ต้องส่งปรึกาแพทย์
  1. อาการปวดตาหรือมองแสงจ้าไม่ได้ มักจะเกิดจากโรคชนิดอื่นเช่นต้อหิน ม่านตาอักเสบเป็นต้น ดังนั้นหากมีตาแดงร่วมกับปวดตาหรือมองแสงไม่ได้ต้องรีบพบแพทย์
  2. ตามัว แม้ว่ากระพริบตาแล้วก็ยังมัวอยู่ โรคตาแดงมักจะเห็นปกติหากมีอาการตามัวร่วมกับตาแดงต้องปรึกษาแพทย์
  3. ประวัติอื่น การเป็นหวัด การใช้ยาหยอดตา น้ำตาเทียม เครื่องสำอาง โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ประจำ

การตรวจร่างกาย

  • คุณลองคลำต่อมน้ำเหลืองรอบหู หากคลำได้อาจจะเป็นโรคติดเชื้อไวรัส หรือจากสัมผัสสารระคายเคือง ส่วนเชื้อแบคทีเรียมักจะคลำไม่ได้ต่อมน้ำเหลือง
  • ในรายที่เป็นไม่มากไม่ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติม
  • ในรายที่เป็นรุนแรง เป็นๆหายๆ หรือเป็นเรื้อรังควรจะต้องตรวจเพาะเชื้อจากขี้ตา
  • การนำขี้ตามาย้อมหาตัวเชื้อก็พอจะบอกสาเหตุของโรคตาแดง

การป้องกันโรคตาแดง

  • อย่าใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น
  • อย่าใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกัน
  • ล้างมือบ่อยๆ อย่าเอามือเข้าตา
  • ใส่แว่นตากันถ้าต้องเจอสารเคมี
  • อย่าใช้ยาหยอดตาของผู้อื่น
  • อย่าว่ายน้ำในสระที่ไม่ได้ใส่คลอรีน
  • ยาเมื่อไม่ได้ใช้ให้ทิ้ง
  • อย่าสัมผัสมือ
  • เช็ดลูกบิดด้วยน้ำสบู่เพื่อฆ่าเชื้อโรค

การรักษาตาแดงด้วยตัวเอง

  • ประคบเย็นวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ10-15 นาที
  • ล้างมือบ่อยๆ
  • อย่าขยี้ตาเพราะจะทำให้ตาระคายมากขึ้น
  • ใส่แว่นกันแดด หากมองแสงสว่างไม่ได้
  • อย่าใส่ contact lens ช่วยที่มีตาแดง
  • เปลี่ยนปลอกหมอนทุกวัน เปลี่ยนหมอนทุก 2 วัน

หากมีอาการต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์

  • ตามัวลง
  • ปวดตามากขึ้น
  • กรอกตาแล้วปวด
  • ไข้
  • ให้ยาไปแล้ว 48 ชั่วโมงไม่ดีขึ้น
  • น้ำตายังไหลอยู่แม้ว่าจะได้ยาครบแล้ว
  • แพ้แสงอย่างมาก

การหยอดยาหยอดตา

  1. ล้างมือก่อนหยอดตาทุกครั้ง
  2. ดึงหนังตาล่างลง
  3. ตาเหลือกมองเพดาน
  4. หยอดตาตรงกลางเปลือกตาล่าง
  5. ปิดตาและกรอกตาไปมาเพื่อให้ยากระจาย การหยอดครีมให้หยอดจากหัวตาบีบไปปลายตา ปิดตาและกรอกตาไปมา
  6. เช็ดยาที่ล้นออกมา
  7. ล้างมือหลังหยอดเสร็จ

โรคตาแดงจากการติดเชื้อไวรัส Viral Conjunctivitis

ตาแดงจากโรคภูมิแพ้ Allergic Conjunctivitis

ตาแดงจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Bacterial Conjunctivitis

ตาแดงจากเชื้อ Chlamydial

เรียบเรียง 16/07/2545