หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติความผิดปกติของสมอง และการทำงานของสมองหลายๆส่วนสาเหตุที่พบได้แก่
เมื่อเด็กแรกคลอดพ่อแม่จะเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของเด็ก เฝ้าดูว่าเด็กจะเริ่มพูดเมื่อไร เดินเมื่อใด พ่อแม่จะพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติเกี่ยวกับการพัฒนาการของเด็ก การวินิจฉัยจะต้องดูการพูดและการพัฒนาการของเด็กว่าเหมาะสมกับอายุหรือไม่ หากเด็กอายุ 10 ปีแต่มีมีการพัฒนาการเหมือนเด็กอายุ 6 ปี เด็กพูดไม่ชัด หรือไม่เข้าใจคำพูด เด็กไม่สามารถอ่านหรือเขียนหนังสือ แต่จะต้องมีการทดสอบการเห็นและการได้ยินว่าปกติ
การวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติเกี่ยวกับภาษาและการพูด ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการพูดจะทอสอบการพูด การออกเสียง คำศัพท์ รวมทั้งไวยกรณ์เมื่อเทียบกับเด็กอายุเดียวกันว่าช้ากว่าเด็กอื่นหรือไม่ หากพบเด้กมีอาการดังกล่าวอาจจะต้องให้เวลาแก่เด็กเพราะอาจจะเกิดจากการพัฒนาของสมองช้ากว่าปกติ หากไม่มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เด็กสามารถเรียน หรือเล่นร่วมกับเด็กปกติ หากเป็นมากอาจจะต้องมีชั้นเรียนพิเศษสำหรับเด็กพิเศษ พ่อแม่บางคนอาจจะหาที่เรียนเสริม หากอาการเป็นมากอาจจะต้องหาโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษ แต่ต้องเลือกโรงเรียนที่มีความชำนาญเฉพาะสำหรับเด็ก และสามารถอธิบายให้พ่อแม่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงและแผนการดูแลเด็ก
ยาที่ใช้ได้ผลได้แก่ Ritalin (methylphenidate), Dexedrine (dextroamphetamine), และ Cylert (pemoline) ซึ่งจะช่วยให้เด็กมีสมาธิในการเรียน การให้ยาต้องปรับให้ยาออกฤทธิ์สูงสุดขณะเด็กกำลังเรียนหนังสือ การรักษาอื่นยังไม่มีการพิสูญจ์ว่าได้ผล
เนื่องจากเด็กมักจะมีปัญหาเรื่องการเรียน และความสัมพันธ์กับเพื่อน เด็กจะไม่สามารถเรียนรู้น้ำเสียงหน้าการแสดงความโกรธของเพื่อน พ่อแม่จะรู้สึกไม่ยอมรับ โกรธ โทษตัวเอง และวิตกกังวล พี่หรือน้องจะอิจฉาเพราะเด็กได้รับการดูแลมากกว่าคนอื่น หากเด็กทำดีต้องให้รางวัลเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม นอกจากนั้นจะต้องสร้างสิ่งแวดล้อมให้เด็กเกิดการพัฒนาและสร้างความมั่นใจให้เด็ก