จิตเภท Schizophrenia
โรคจิตเภทคืออะไร
โรคจิตเภทเป็นโรคทางจิตเรื้อรังซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ ความคิด[thinking} ความรู้สึก{feeling} และพฤติกรรม[behavior]
สาเหตุโรคจิตเภท
เป็นโรคทางพันธุกรรมทำให้มีการพัฒนาของระบบประสาทผิดปกติ
เมื่อมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมก็เกิดโรคนี้ ได้แก่
- การที่เกิดขาอออกซิเจนในระหว่างการคลอด
- มารดาเป็นไข้ในตั้งครรภ์ไตรมาสที่2
- มารดาเป็นไข้หวัดใหญ่ในขณะตั้งครรภ
อาการแสดงโรคจิตเภท
อาการแสดงจะแบ่งเป็นสองระยะได้แก่
- อาการนำก่อนป่วย[prodome] อาการนำก่อนป่วยในผู้ป่วยแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาการชัด บางคนอาการไม่ชัดอาการนำมักจะเกิดขณะวัยเรียน อาการนำอาจจะมีอาการเป็นเดือนก่อนเกิดปรากฏอาการทางจิต
- แยกตัวเล่น
ไม่ยุ่งกับใคร
- แปลกประหลาด
ไม่สามารถปฏิบัติตนให้สมบทบาทได้ เช่นบทบาทของการเป็นเพื่อน ลูก
- ไม่ดูแลตัวเอง
เช่นไม่อาบน้ำหรือหวีผม
- บุคลิกเปลี่ยนจนเพื่อนสังเกตเห็น
- มีความคิดแปลกๆ
- ห่วงใยรูปร่างหน้าตา ชอบดูกระจก กลัวผิดปกติ
- มีพฤติกรรมต่อต้านสังคม
-
อาการทางจิต ผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการแตกต่างกันได้มาก แม้แต่ผู้ป่วยคนเดียวกัน
ต่างเวลาอาการของเขาก็อาจจะแตกต่างกันอาการที่ทำให้ผู้ป่วยพบแพทย์
- อาการทางจิต
ผู้ป่วยจะมีอาการ
- ประสาทหลอน เช่น หูแว่ว ตาฝาด
- ระแวง กลัวคนทำร้าย คิดว่ามีคนสะกดรอยตามปองร้าย แปลความหมายเหตุการณ์รอบตัวผิดจากความเป็นจริง เช่นเพื่อนลูปหน้าแปลว่าหน้าด้านไม่รู้จักอาย
- อาละวาด
ทำลายข้าวของ
- พยายามฆ่าตัวตาย หรือทำร้ายผู้อื่น
-
ความสามารถในการดำเนินชีวิตเสื่อมลง
- การเรียนเลวลง
หรือเรียนไม่ได้
- การงานบกพร่อง
ทำงานไม่ได้เท่าที่เคยทำ เกียจคร้าน
- ความสัมพันธ์กับบุคลอื่นไม่ราบรื่น เข้ากับคนอื่นไม่ได้ ระแวง
คิดแปลเจตนาของผู้อื่นในทางลบ หงุดหงิด
- ไม่ใส่ใจดูแลตัวเอง ไม่อาบน้ำ ไม่แต่งตัวให้เรียบร้อย ไม่หวีผม ห้องนอนสกปรก
-
ผู้ป่วยบางรายมาหลังจาก
- ดื่มเหล้ามาก
- ใช้สารเสพติด
- การป่วยทางกาย
ลักษณะทั่วไปโรคจิตเภท
ผู้ป่วยจะมีกริยาท่าทางประหลาด แต่งตัวไม่เรียบร้อย สกปรก
มีกลิ่นเหมือนไม่อาบน้ำแปรงฟัน การเคลื่อนไหว บางคนหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว
เคลื่อนไหวน้อย หรือไม่อยู่นิ่ง ลุกลน
พฤติกรรมทางสังคม เก็บตัว แยกตัว หรือวุ่นวายเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ควร
การพูดมีหลายแบบ พูดจาได้ความดี พูดไม่รู้เรื่อง พูดน้อย หรือไม่พูดเลย
อารมณ์ บางคนสีหน้าราบเรียบ ไม่แสดงอารมณ์อะไร
บางรายสีหน้าไม่สอดคล้องกับเรื่องราวที่พูด และบางรายสีหน้าปกติ
ความคิด Though
ผู้ป่วยบางรายไม่มีความคิดออกมาเลย
บางรายมีความคิดหลั่งไหลออกมารวดเร็วและบางคนคิดเหมือนคนปกติ
ความคิดมักจะไม่ต่อเนื่อง เปลี่ยนเรื่องก่อนที่เรื่องกำลังกล่าวจะจบ มีอาการหลงผิด
เช่นหวาดระแวงว่าคนจะทำร้าย หูแว่ว ตาฝาด และประสาทหลอน
และมักจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารทั้งการรับและการส่ง
เช่นโกรธอย่างรุนแรงโดยไม่มีเหตุผลหรือเฉยไม่ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วย
การดำเนินของโรคโรคจิตเภท
ผู้ป่วยจะเริ่มด้วยอาการนำ แล้วตามมาด้วยอาการของโรคอาจจะเกิดแบบเฉียบพลัน
หรือค่อยเป็นค่อยไป อาการสงบลงสลับกับกำเริบขึ้นอีกเป็นครั้งคราว
ผ่านไปหลายปีอาจจะมีอาการหลงเหลืออยู่เช่นเดียวกับอาการนำ
การวินิจฉัยโรคจิตเภท
การวินิจฉัยโดยอาการเป็นสำคัญ ผู้ป่วยมีลักษณะดังต่อไปนี้
- มีพฤติกรรมที่ผิดปกติ
- ป่วยเรื้อรัง
- ความสามารถในการดำรงชีวิตเสื่อมถอย เช่น ทำงานไม่ได้ พึ่งตนเองไม่ได้
- เมื่อป่วยแล้วไม่หายเป็นปกติเหมือนก่อนป่วย
ต้องวินิจฉัยแยกโรคต่อไปนี้
- Bipolar disorder โรคนี้เวลาหายจะเหมือนคนปกติ
การป่วยบางครั้งเป็น
- โรคจิตเพราะพิษสุรา หรือสารเสพติด เช่น ยาบ้า กัญชา ยาลดความอ้วน
- โรคทางกาย เช่น SLE โรคลมชัก โรคเนื้องอกในสมอง
การรักษา
ทำได้ 3 ทางด้วยกัน
- รักษาอาการให้หาย
เป็นการใช้ยาในการรักษายาที่ใช้ได้แก่
- Haloperidol
- Resperidone
- Clozapine
- ป้องกันมิให้กลับเป็นซ้ำ หากกินยาสม่ำเสมอการกำเริบจะน้อย
สาเหตุที่กำเริบคือการถูกตำหนิติเตียนเป็นประจำ การป้องกันไม่ให้โรคกำเริบคือ
- กินยาอย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์สั่ง
- อย่าบ่นว่า
ตำหนิ วิจารณ์ซ้ำซาก
สิ่งที่สำคัญในการรักษาคือผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะมีแนวโน้มในการฆ่าตัวเองสูง
ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวเองสูงมีลักษณะดังต่อไปนี้
- ญาติและผู้ป่วยคาดในความสำเร็จสูง
- ปรับตัวรับสภาพโรคจิตไม่ได้
- ช่วงเวลาที่ต้องระวังในการฆ่าตัวเองคือ ขณะที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาล ระยะ 6
เดือนหลังออกจากโรงพยาบาล มีการสูญเสีย เช่นหย่า ตกงาน เปลี่ยนแพทย์ผู้รักษา
- อาการดีขึ้นหลังจากป่วยหนักและรู้ว่าตัวเองเป็นโรคจิต
สัญญาณบ่งบอกว่าจะฆ่าตัวตาย
- ผู้ป่วยมีความคิดฆ่าตัวเอง
- มีความมั่นใจในตัวเองต่ำ
- มีแรงกดดันผู้ป่วยมากได้แก่ ขาดที่พึ่ง ตกงาน ญาติโกรธ ถูกไล่ออกจากบ้าน
- อาการกำเริบ
หูแว่ว หวาดกลัว รู้สึกมีคนปองร้าย
- หมอโกรธ
- ฟื้นฟูจิตใจและฝึกอาชีพ เนื่องจากผู้ป่วยพลาดการเล่าเรียน และการเรียนรู้ชีวิต
การต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรค
ทางครอบครัวและผู้รักษาต้องประคับประคองให้เขาเรียนรู้วิธีแก้ปัญหา
และการฝึกอาชีพ