น้ำเดินก่อนกำหนดหรือถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
ปกติถุงน้ำคร่ำแตกก่อนที่จะมีอาการปวดท้องคลอดเล็กน้อยถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด หรือน้ำเดินก่อนกำหนดหมายถึงการที่ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ ความถี่ของโรคพบได้ร้อยละ 3 ของการตั้งครรภ์ และเป็นสาเหตุของการคลอดก่อนกำหนด การที่ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนดอาจจะก่อนให้เกิดโรคแทรกซ้อนคือ เด็กไม่แข็งแรง ทารกติดเชื้อ มีการลอกของรกก่อนกำหนด หรืออาจจะรุนแรงจนกระทั่งเสียชีวิต
โครงสร้างของมดลูกขณะตั้งครรภ์
![]() |
---|
มดลูกของคนที่ตั้งครรภ์จะประกอบไปด้วย ชั้นที่สำคัญไล่จากนอดไปสู่ทารกดังนี้
- ชั้นนอกสุดคือชั้นผิวหนัง
- ต่อมาเป็นกล้ามเนื้อหน้าท้อ
- ชั้นต่อมาเป็นมดลูก uterine wall
- ชั้นต่อมาเป็นถุงน้ำคร่ำ amniotic sac
- ต่อเป็นรก placenta
- ต่อมาจะถึงตัวเด็ก fetus
การที่ถุงน้ำคร่ำแตกหมายถึงถุง amniotic sac แตกทำให้มีน้ำคร่ำไหลออกจากมดลูก เชื้อโรคจากภายนอกจะมีโอกาศเข้าไปในมดลูก ซึ่งอาจจะทำให้มีการอักเสบของมดลูก และตัวเด็ก
การที่น้ำเดินก่อนกำหนดจะเกิดผลเสียอะไรบ้าง
การที่น้ำเดินก่อนกำหนดอาจจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่สำคัญคือ
- มีการกดสายสะดือทำให้ทารกขาดเลือดขาดออกซิเจน ซึ่งอาจจะทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์
- เชื้อเร็ดรอดเข้าไปในมดลูกทำให้ทารกและแม่มีการติดเชื้อ
- คลอดก่อนกำหนด ซึ่งหากอายุครรภ์น้อยๆอาจจะมีความพิการของปอดและสมอง
การที่มีน้ำเดินหมายถึงน้ำคร่ำหรือไม่
การที่มีน้ำเดินออกมาจากช่องคลอดไม่ได้หมายถึงว่าจะเป็นถุงน้ำคร่ำแตก จะต้องมีการตรวจยืนยันว่าใช่น้ำคร่ำหรือไม่ การตรวจดังกล่าวได้แก่
- การวัดความเป็นกรดหรือด่าง
- การนำน้ำนั้นมาทำ fern test หากให้ผลบวกแสดงว่าเป็นน้ำคร่ำ
- การตรวจภายในเพื่อดูว่าน้ำที่เดินออกจากปากมดลูกหรือไม่ โดยการตรวจภายในและให้ผู้ป่วยไอ หากมีน้ำเดินจะพบว่าน้ำออกจากปากมดลูก
- ตรวจดูปากมดลูกว่ามีการถ่างขยายมากน้อยแค่ไหน
- การตรวจ Ultrasound
นอกจากน้ำเดินแล้วแพทย์จะต้องติดตามว่า มดลูกมีการบีบตัวหรือไม่ มีการตกเลือดหรือไม่ และมีไข้หรือไม่
สาเหตุของน้ำเดินก่อนกำหนด
สาเหตุที่แท้จริงไม่มีใครทราบ แต่หากคุณมีภาวะดังต่อไปนี้คุณจะเสี่ยงต่อน้ำเดินก่อนกำหนด
- สูบบุหรี่
- มีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธุ์
- เคยน้ำเดินก่อนกำหนดมาก่อน
- เคยมีประวัติตกเลือดขณะตั้งครรภ์มาก่อน
หากมีน้ำเดินก่อนกำหนดจริงจะต้องทำอย่างไรบ้าง
ในการรักษาหรือดูผู้ที่รที่มีน้ำเดินก่อนกำหนดจะต้องดูอายุครรภ์ว่าตั้งครรภ์กี่สัปดาห์ เพราะอายุครรภ์จะบอกว่าเด็กโตพอที่จะคลอดออกมาแล้วมีชีวิต
ผู้ที่อายุครรภ์น้อยกว่า 24 สัปดาห์
โดยปกติผู้ที่อายุครรภ์น้อยกว่า 24 สัปดาหฺ์และมีน้ำเดินก่อนกำหนด มักจะคลอดภายใน 1 สัปดาห์ เด็กที่คลอดมามักจะมีความผิดปกติของ โรคปอด การพัฒนาของสมอง มีพิการของสมอง ทำให้เกิดกลุ่มอาการที่เรียกว่า Potter's syndrome
ผู้ที่มีอายุครรภ์อายุ 24-31 สัปดาห์
ทารกที่คลอดก่อนอายุครรภ์ 32 สัปดาห์มักจะมีความพิการ หรืออาจจะเสียชีวิต ดังนั้นหากมีน้ำเดินก่อนกำหนดในช่วงอายุครรภ์ดังกล่าว แพทย์จะพยายามให้อายุครรภ์ครบ 32 สัปดาห์จึงจะให้คลอด แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และให้ยา steriod เพื่อเร่งให้ปอดเด็กแข็งแรง ระหว่างนี้แพทย์จะเฝ้าระวังดังต่อไปนี้
- ติดตามเรื่องไข้หากคุณแม่มีไข้มากกว่า 38 องศาแพทย์จะเร่งให้คลอดเพราะว่านั่นหมายถึงมีการติดเชื้อของมดลูก
- ติดตามการเต้นของหัวใจแม่และเด็ก หากหัวใจเด็กเต้นเร็วหรือช้า แสดงว่าเด็กเริ่มจะมีปัญหาจำเป้นต้องเร่งคลอด
- การบีบตัวของมดลูก
- อาการปวดท้องของคุณแม่ หากปวดมากขึ้นแสดงว่าอาจจะมีปัญหา
- เจาะเลือดคุณแม่เป็นระยะว่ามีการติดเชื้อหรือไม่
หากมีอาการต่อไปนี้ควรจะเร่งการคลอด
- มีการติดเชื้อของมดลูก chorioamnionitis
- รกลอกตัว
- เด็กมีสัญญาณชีพไม่ปกติ
ผู้ที่มีอายุครรภ์ 32-33 สัปดาห์
เด็กอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ซึ่งปอดเริ่มจะแข็งแรงสามารถคลอดออกมาได้ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องเจาะเอาน้ำคร่ำมาพิสูจน์ว่าปอดเด็กแข็งแรงพอ ดังนั้นเด็กในกลุ่มนี้สามารถคลอดออกมาได้ แต่ในกรณีที่ไม่ได้เจาะน้ำคร่ำว่าปอดแข็งแรงพอหรือไม่ แนะนำว่าให้ยา steroid และยาปฏิชีวนะ 48 ชมแล้วจึงไปคลอด
อายุครรภ์ 34 สัปดาห์ขึ้นไป
หากอายุครรภ์มากกว่า 34 สัปดาห์ขึ้นไปแพทย์จะแนะนำให้เร่งคลอดเพราะหากไม่เร่งจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ