โรค อีโบลา Ebola
Ebola virus และ Marburg virus เป็นเชื้อไวรัสอีโบลาอีโบลาที่ทำให้เกิดกลุ่มอาการไข้เลือดออก ซึ่งมีลักษณะดังนี้ เลือดออกง่ายและรุนแรง อวัยวะล้มเหลว และเสียชีวิต อัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 90 เชื้อนี้เป็นเชื้อประจำถิ่นแถบประเทศ Africa และมีการระบาดเป็นระยะๆ
เชื้อไวรัสอีโบลาอีโบลา Ebola จะอยู่อยู่ในสัตว์ คนได้รับเชื้อนี้จากสัตว์ที่มีเชื้อโรค การติดต่อจากคนสู่คนโดยการได้รับสารหลั่งขณะนี้ยังไม่มียาสำหรับรักษาโรคน
Ebola virus อยู่ใน family ที่เรียกว่า Filoviridae นักวิทยาศาสตร์แบ่งไวรัสอีโบลานี้เป็น 5 ชนิด 4 ชนิดมีรายงานว่าทำให้เกิดโรคในคนได้แก่เชื้อ
- Ebola-Zaire virus
- Ebola-Sudan virus
- Ebola-Ivory Coast virus
- และ Ebola-Bundibugyo
อาการของโรคอีโบลา Ebola
หลังจากได้รับเชื้อประมาณ2-21วัน(ระยะฟักตัว) ระยะแรกจะมีอาการดังต่อไปนี้
- ไข้ หนาวสั่น
- ปวดศีรษะอย่างมาก
- ปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อ
- เจ็บคอ
- อ่อนเพลีย
- ท้องร่วง
อาการของโรคจะเป็นมากขึ้นเป็นลำดับ และมีอาการ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องร่วงซึ่งอาจจะมีเลือดออกทางเดินอาหาร ถ่ายเป็นเลือด
- ตาแดง
- มีผื่นนูน
- ไอ เจ็บหน้าอก
- จุกแน่นบริเวณกระเพาะอาหาร
- น้ำหนักลด
- มีเลือดออกทางจมูก ปาก ทวาร หู ตา
- บวมอวัยวะเพศ
สาเหตุของโรคอีโบลา
เชื้อไวรัสอีโบลาอีโบลา Ebola พบในสัตว์ เช่น ลิงชิมแปนซี
การติดต่อจากสัตว์สู่คน
คนจะได้รับเชื้อไวรัสอีโบลาจากสารหลั่งของสัตว์ทาง
- เลือดของสัตว์ซึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารสัตว์ป่าที่ไม่สุก
- ของเสียของสัตว์ เช่นอุจาระค้างคาวในถ่ำ
การติดต่อจากคนสู่คน
- สำหรับผู้ที่ได้รับเชื้อจะยังไม่สามารถติดต่อไปยังผู้อื่นหากยังไม่เกิดอาการ
- คนจะติดเชื้อเมื่อดูแลผู้ป่วยใกล้ชิด
- สำหรับบุคลากรทางการแพทย์จะติดเชื้อนี้หากไม่ป้องกันตัวเองเช่น ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่สวมถุงมือ
- ยังไม่มีหลักฐานว่ายุงจะเป็นพาหะของโรค
การแพร่เชื้อของโรคอีโบลา
การแพร่เชื้อจากคนสู่คนของอีโบลามีได้หลายวิธีส่วนใหญ่จะแพร่จากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งทางการสัมผัสโดยตรง (ผ่านทางเยื่อบุต่างๆเช่น ตา จมูก ปาก และแผลที่ผิวหนัง)โดยผ่านทาง
- การสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่งเช่น ปัสสาวะ น้ำลาย เหงื่อ อุจาระ อาเจียน น้ำนม น้ำเชื้อ จากคนที่ป่วย
- เข็มฉีดยา หรือ syringesที่ปนเปื้อนเชื้อ
- สัตว์ที่ป่วย
- ทางอาหารโดยรับประทานอาหารที่มีเชื้อ(อาหารป่า) ยังไม่มีหลักฐานว่ายุงจเป็นตัวนำเชื้อโรค
สำหรับบุคคลากรทางการแพทย์หากไม่สวมหน้ากากอนามัย เสื้อคลุม ถุงมือ แว่นตา จะมีโอกาศติดเชื้อสูง สำหรับผู้ที่หายจะโรคควรจะงดการมีเพศสัมพันธ์ 3 เดือน หรือให้สวมถุงยางอนามัย
ปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้ออีโบลา
- ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นหากท่านไปท่องเที่ยวยังถิ่นที่มีการระบาดในอดีต
- สำหรับนักวิจัยเกี่ยวกับโรคนี้จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- ติดขณะแต่งศพ
- เจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วย ญาติ เพื่อนใกล้ชิดกับผู้ป่วยจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- ผู้ที่ทำอาหารป่า
โรคแทรกซ้อนของไวรัสอีโบลา Ebola
อัตราการเสียชีวิตของผู้ที่ติดเชื้อ Ebola จะสูง ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้แก่
- หลายอวัยวะล้มเหลว
- เลือดออกรุนแรง
- ดีซ่าน
- สับสน
- ชัก
- โคม่าหมดสติ
- ช็อค
สำหรับผู้ที่หายจากโรคจะใช้เป็นเดือนกว่าร่างกายจะกลับสู่ปกติ และเชื้อจะยังอยู่ในร่างกายหลายสัปดาห์ ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้
- ผมร่วง
- มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการรับความรู้สึก
- ตับอักเสบ
- อ่อนแรง
- ปวดศีรษะ
- ตาอักเสบ
- อัณฑะอักเสบ
การวินิจฉัยโรคอีโบลา
การวินิจฉัยจะค่อนข้างยากเพราะระยะแรกของอาการจะเหมือนกับไข้ไทฟอยด์ หรือไข้มาราเรีย แต่หากได้ประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยหรือไปยังถิ่นระบาด และแพทย์สงสัยก็จะเจาะเลือดตรวจด้วยวิธี
- enzyme-linked immunosorbent assay (ELISA)
- reverse transcriptase polymerase chain reaction (PCR)
ซึ่งจะทำให้วินิจฉัยโรคได้
การรักษาโรคอีโบล่า
ยังไม่มีการรักษาเฉพาะเพียงแค่การให้น้ำเกลือ การรักษาความดันโลหิต การเติมเลือด
- การให้น้ำเกลืออย่างเพียงพอ และสมดุลของเกลือแร่
- รักษาความดันโลหิตและออกซิเจนในเลือด
- รักษาโรคแทรกซ้อนอื่นๆ
การป้องกันโรคอีโบล่า
การป้องกันการติดเชื้อไวรัสอีโบลา Ebola ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเชื้อไวรัสอีโบลา
- หลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวยังพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อ ก่อนจะไปเที่ยวให้ตรวจสอบพื้นที่ระบาดก่อนท่องเที่ยว
- ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆโดยใช้น้ำเปลา และสบู่ หรือใช้แอลกอฮอลล์สำหรับล้างมือหากไม่มีน้ำหรือสบู่
- ไม่มีเพศสัมพันธ์กับตนในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดโรค
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย
- ผักและผลไม้ต้องล้างให้สะอาด
- หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ป่าอาหารป่า
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่งเช่น น้ำเหลือง เลือด น้ำลาย น้ำจากช่องคลอด น้ำเชื้อของผู้ป่วย
- หลีกเลี่ยงของประจำตัวของผู้ป่วยเช่น เสื้อผ้า ผ้าคลุมเตียง เข็ม อุปกรณ์ทางการแพทย์ เพราะอาจจะมีเชื้อปนเปื้อน
- สำหรับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะต้องสวมถุงมือ หน้ากากอนามัย เส้ือคลุ่ม แว่นตาเมื่อต้องดูแลผู้ป่วย
- ศพของผู้เสียชีวิตยังสามารถแพร่เชื้อได้ต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
- ไม่นอนในโรงพยาบาลที่มีคนป่วยด้วยโรคอีโบลา
- หากอยู่ในแหล่งระบาดจะต้องเฝ้าดูอาการอีก 21 วัน
สำหรับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์
- สวมอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง เช่นหน้ากากอนามัย แว่นตา เสื้อคลุม ถุงมือ หมวก
- แยกผู้ป่วยติดเชื้ออีโบลาจากผู้ป่วยอื่น
- จัดการเรื่องศพให้ดีเพราะเกิดการแพร่เชื้อจากศพได้
- แจ้งเจ้าหน้าที่หากท่านสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย
- ให้ปฏิบัติงานตามมาตรฐานการป้องกันการติดเชื้อ
ยังไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันโรค
แนวทางควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข
ความรู้สำหรับประชาชน
การป้องกันโรคอีโบลา