siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

adv

ฮอร์โมนเอสโตรเจน Estrogen ฮอร์โมนทดแทนวัยทอง – ทางเลือกเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ฮอร์โมนสำคัญที่มีบทบาทต่อความเป็นผู้หญิง ได้แก่ ฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเอสโตรเจน 

เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากรังไข่ ตั้งแต่ผู้หญิงเริ่มเข้าสู่วัยมีประจำเดือน เอสโตรเจนจะทำหน้าที่ในการพัฒนาระบบอวัยวะเพศ หรือระบบสืบพันธุ์ให้เจริญเติบโตเต็มที่ เช่น ทำให้เต้านมขยายตัวขึ้น ทำให้มีการสะสมของไขมันตามลำตัวในลักษณะที่แตกต่างจากผู้ชาย (ในผู้หญิงไขมันจะสะสมตามแขน ขา และสะโพกค่อนข้างมากกว่าผู้ชาย)

ยาคุมกำเนิด

หน้าที่ของเอสโตรเจนอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทำให้ผนังมดลูกหนาตัวขึ้น และ รับการเปลี่ยนแปลง เตรียมพร้อมที่จะรับการฝังตัวของไข่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สร้างขึ้นจากรังไข่หลังไข่ตก เมื่อได้รับการ ปฏิสนธิจากสเปิร์มของเพศชาย ถ้าไข่ไม่ได้รับการผสม ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะลดลง ทำ ให้เยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกสร้างไว้หลุด ลอกออกมาเป็นเลือดประจำเดือนทุกๆ เดือน เป็นวงจรไปเรื่อยๆ ในชีวิตผู้หญิง ๑ คน จะมีประจำเดือน เกิดขึ้นรวมแล้วประมาณ ๔๐๐ รอบ ซึ่งหากกลไกดังกล่าวทำงานผิดพลาด หรือระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนไม่อยู่ในภาวะสมดุล ก็จะมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการมีประจำเดือนเกิดขึ้น

นอกจากหน้าที่ดังกล่าวแล้ว ฮอร์โมนเพศหญิงยังทำให้ร่างกาย และเนื้อเยื่อต่างๆ มีความแข็งแรง แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์ เช่น มีการขยายของหน้าอก มากขึ้น มีการสร้างมูกในช่องคลอดมากขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อยังมีฮอร์โมน ผู้หญิงก็จะดูเต่งตึง สดใส มีน้ำมี นวล เซลล์ต่างๆ จะเสื่อมสภาพช้าลง กระดูกก็ยังคงสภาพที่ค่อนข้างแข็งแรง ปัจจุบันเด็กผู้หญิงทั่วโลกมีแนวโน้มจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เร็วขึ้น (รวมทั้งเด็กไทย) นั่นคือ ประมาณ ๙ ปีขึ้นไป ทั้งนี้อาจมีเหตุปัจจัยความเจริญในด้านต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ และสภาวะโภชนาการที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันผู้หญิงก็จะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนช้าลง

ภาวะหมดประจำเดือน

การหมดประจำเดือนเกิดขึ้นได้ ๒ กรณี คือ หนึ่ง หมดไปเองตามธรรมชาติ สอง เกิดจากการผ่าตัด เอารังไข่ออกเพื่อรักษาโรค ซึ่งจะทำ ให้เกิดอาการผิดปกติเร็วกว่าผู้หญิงที่หมดประจำเดือนตามธรรมชาติ อาการที่บ่งบอกว่าได้ย่างเข้าสู่ วัยทองแล้ว ในผู้หญิงอาจจะแสดงอาการล่วงหน้าประมาณ ๓-๔ ปี (ก่อนที่รังไข่จะหยุดทำงาน หยุดผลิต ฮอร์โมน) นั่นคือ ประจำเดือนจะเริ่ม มาผิดปกติ เช่น จะมาเดือนละ ๒ ถึง ๓ ครั้ง หรือประจำเดือนมาบ้าง ไม่มาบ้าง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่ารังไข่ทำงานน้อยลง ถ้าประจำเดือน ไม่มา ๖ เดือน บางครั้งอาจจะกลับ มาใหม่ได้ แต่ถ้าประจำเดือนหยุดไปนานถึง ๑ ปี ก็แสดงว่ารังไข่หยุด ทำงานแล้ว ซึ่งโดยเฉลี่ยผู้หญิงไทยจะหมดประจำเดือน เมื่ออายุประมาณ ๔๘-๕๐ ปี

ก่อนการให้ฮอรโมนทดแทนจะต้องประเมินความรุนแรงของโรคที่พบร่วมกับวัยทองเช่นอาการร้อนตามตัว กระดูกโปร่งบางและต้องมาเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่จะเกิดโรคจากการให้ฮอร์โมน เช่นมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และจะต้องพิจารณาว่ามีทางเลือกอื่นอีก หรือไม่ในการรักษาภาวะเหล่านั้น ผู้ป่วยบางคนเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยทองแพทย์จะให้ยาคุมกำเนิดรับประทานซึ่งมีผลดีหลายประการ เช่นทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ลดอาการร้อนตามตัว ลดอัตราการเกิดมะเร็งรังไข่ ข้อเสียคือไม่ทราบว่าหมดประจำเดือนหรือยัง ถ้าสงสัยก็ให้หยุดยาคุมกำเนิด 4-5 เดือนแล้วดูว่าประจำเดือนมาหรือไม่ เมื่อเข้าสู่วัยทองจริงแพทย์จะพิจารณาให้ฮอร์โมนที่มีส่วนประกอบของ estrogen และ progesteroneผลดีของการให้คือ ลดอาการ ป้องกันกระดูกพรุน และป้องกันโรคหัวใจ แต่ต้องระวังโรคแทรกซ้อนคือ โรคตับอักเสบ ไขมัน triglyceride สูง โรคมะเร็งเต้านม

เมื่อเข้าสู่วัยทอง

เมื่อเข้าสู่วัยทองการผลิตฮอร์โมนทั้งสองจะมีปริมาณลดลง ในช่วงแรกที่เรียกว่า premenopusal ระดับฮอร์โมนยังไม่หยุดผลิตแต่อาจจะผลิตมากไป หรือน้อยเกินไป หรือมาไม่สม่ำเสมอ ทำให้เราเกิดอาการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ แต่เมื่อเข้าสู่วัยทองการผลิตฮอร์โมนจะลดลงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่อวัยวะดังนี้



Estrogen ฮอร์โมนทดแทนวัยทอง

บทนำ Estrogen เป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยเจริญพันธุ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่วัยทอง (menopause) ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน และความเปลี่ยนแปลงของกระดูก การใช้ฮอร์โมนทดแทนเอสโตรเจน (Hormone Replacement Therapy: HRT) จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการไม่พึงประสงค์และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้หญิงวัยทอง

บทบาทของ Estrogen ในร่างกาย

  1. ควบคุมรอบเดือน - Estrogen ทำหน้าที่กระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาตัวขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์
  2. ส่งเสริมสุขภาพกระดูก - ช่วยรักษาความหนาแน่นของมวลกระดูก ลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
  3. มีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด - ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
  4. มีอิทธิพลต่ออารมณ์และสมอง - มีส่วนช่วยในการทำงานของสมอง ลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าและอัลไซเมอร์

ฮอร์โมนทดแทนวัยทองคืออะไร?

ฮอร์โมนทดแทนวัยทอง (HRT) เป็นการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือฮอร์โมนร่วมกับโปรเจสเตอโรนเพื่อช่วยบรรเทาอาการที่เกิดจากการลดลงของฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน โดยมี 2 ประเภทหลัก ได้แก่:

เปรียบเทียบระหว่าง Estrogen-only therapy และ Combined therapy

แนวทางการเลือกใช้ฮอร์โมนทดแทน

ข้อดีของการใช้ HRT

ความเสี่ยงและข้อควรระวัง ถึงแม้ HRT จะมีประโยชน์ แต่ก็มีความเสี่ยง เช่น:

ทางเลือกอื่นในการทดแทนฮอร์โมน สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้ HRT สามารถเลือกแนวทางธรรมชาติ เช่น:

สรุป การใช้ฮอร์โมนทดแทนเอสโตรเจนเป็นทางเลือกที่สามารถช่วยบรรเทาอาการวัยทองและส่งเสริมสุขภาพของผู้หญิง อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาข้อดีและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจใช้ และปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับสุขภาพของแต่ละบุคคล

การให้ฮอร์โมนทดแทนในผู้ป่วยวัยทอง

 


ผลของการได้ฮอร์โมนทดแทน

อาการข้างเคียงของฮอร์โมนทดแทน

ปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณารับฮอร์โมนทดแทน

ในกรณีที่สตรีวัยทองมีอาการต่างๆ มาก หรือตรวจพบความผิดปกติ เช่น กระดูกบาง หรือกระดูกพรุน และมีความจำเป็นจะต้องได้รับฮอร์โมนเพิ่มเติม แพทย์จะพิจารณาให้ฮอร์โมนทดแทนตามความเหมาะสม 

การให้ฮอร์โมนทดแทนมีประโยชน์อย่างไร

การให้ฮอร์โมนทดแทน คือ การให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนชนิดสกัดจากธรรมชาติ (Bio-identical Hormone) ที่มีโครงสร้างเดียวกับฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกาย การให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนนั้นอาจให้ร่วมกับฮอร์โมนเพศหญิงอีกตัวหนึ่งคือ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับฮอร์โมนเพศตามธรรมชาติ 

เพิ่มเพื่อน