ยากลุ่ม Bile acid sequestrants(Cholestyramine)
บทความเรื่อง ยาลดไขมัน Cholestyramine
Cholestyramine เป็นยาที่ใช้เพื่อลดระดับไขมันชนิด LDL (Low-Density Lipoprotein) หรือ "ไขมันเลว" ในเลือด โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ ยาชนิดนี้จัดอยู่ในกลุ่มยา bile acid sequestrants ซึ่งจะทำงานโดยจับกับกรดน้ำดี (bile acid) ในลำไส้ ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมไขมันจากอาหารได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ระดับไขมัน LDL ในเลือดลดลง
กลไกการออกฤทธิ์ของ
Cholestyramine มีลักษณะเป็นผงและมักผสมกับน้ำหรือของเหลวอื่นๆ ก่อนรับประทาน ยานี้จะจับกับกรดน้ำดีที่ผลิตขึ้นจากตับและส่งออกมาที่ลำไส้เพื่อช่วยในการย่อยไขมัน เมื่อ Cholestyramine จับกับกรดน้ำดี จะทำให้กรดน้ำดีเหล่านี้ถูกขับออกจากร่างกายทางอุจจาระ โดยปกติแล้ว กรดน้ำดีจะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ตับเพื่อนำไปใช้ใหม่ แต่ Cholestyramine จะขัดขวางกระบวนการนี้ ทำให้ตับต้องผลิตกรดน้ำดีใหม่จากคอเลสเตอรอลในเลือด ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง
ข้อบ่งใช้Cholestyramine:
- ภาวะคอเลสเตอรอลสูง (Hypercholesterolemia): โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีระดับ LDL สูง และไม่ตอบสนองต่อการควบคุมอาหาร หรือการใช้ยาลดไขมันชนิดอื่น
- อาการคันจากท่อน้ำดีอุดตัน: Cholestyramine ช่วยลดระดับกรดน้ำดี ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการคัน
- ภาวะท้องเสียจากการดูดซึมน้ำดีผิดปกติ: ช่วยลดอาการท้องเสียในผู้ป่วยที่มีปัญหาการดูดซึมน้ำดี
วิธีการใช้ยา Cholestyramine
- โดยทั่วไปรับประทานครั้งละ 1 ซอง วันละ 2-4 ครั้ง ยานี้มีขายในรูปผลยาบรรจุซองละ 4 กรัม วิธีใช้ให้ผสมน้ำหรือน้ำผลไม้ 1 แก้ว คนให้ละลายแล้วจึงดื่ม
- ขนาดใช้ยาต้องปรับตามข้อบ่งใช้หรือตามแพทย์สั่ง
- เนื่องจากยานี้มีข้อบ่งใช้หลายอย่าง จึงต้องได้รับการตรวจจากแพทย์ก่อน โดยเฉาะการใช้ยาเพื่อลดระดับไขมันในเลือด อย่าปรับขนาดหรือหยุดยาเอง
- เนื่องจากยานี้อาจจับกับยาอื่น ๆ ได้ ทำให้การดูดซึมของยาอื่นลดลง จึงควรรับประทานยาอื่นก่อนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือหลังยานี้ 4-6 ชั่วโมง
ข้อสำคัญก่อนการใช้ยา
หากเกิดอาการดังต่อไปนี้ให้หยุดยาและพบแพทย์
- ปัสสาวะเป็นเลือด
- ปวดกระเพาะอาหาร
- ท้องผูก
- หายใจเหนื่อย
- ถ่ายอุจาระดำ
- เกิดจ้ำเลือดที่ผิวหนังได้ง่าย
ข้อดีของ Cholestyramine:
- ไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด: จึงมีความปลอดภัยสูง และมีผลข้างเคียงต่ออวัยวะภายในน้อย
- ใช้ได้ในเด็ก: สามารถใช้ในเด็กที่มีภาวะคอเลสเตอรอลสูงได
ประโยชน์ของ Cholestyramine
- ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ: การลดระดับไขมัน LDL ในเลือดช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง
- บรรเทาอาการของโรคท้องร่วงเรื้อรัง: นอกจากการลดระดับไขมัน LDL ยานี้ยังใช้ในกรณีผู้ที่มีอาการท้องร่วงเรื้อรังเนื่องจากปัญหาดูดซึมกรดน้ำดี เช่น ในผู้ป่วยหลังการผ่าตัดถุงน้ำดี หรือผู้ป่วย Crohn's disease
ข้อควรระวังและผลข้างเคียง
Cholestyramine อาจมีผลข้างเคียงที่ควรสังเกตและควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ยา เช่น:
- ท้องผูก: เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องผู้ใช้ยานี้อาจมีอาการท้องผูกและอาจจำเป็นต้องดื่มน้ำมากขึ้นหรือรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง
- ท้องอืด: อาจเกิดอาการท้องอืดหรือรู้สึกไม่สบายในระบบย่อยอาหาร
- ลดการดูดซึมของวิตามิน: เนื่องจากยานี้ทำให้กรดน้ำดีถูกขับออกไปกับอุจจาระ ทำให้มีการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน (วิตามิน A, D, E, K) ลดลง ผู้ใช้ยาอาจต้องเสริมวิตามินหากแพทย์เห็นสมควร
- ปฏิกิริยาระหว่างยา: Cholestyramine อาจขัดขวางการดูดซึมของยาบางชนิด ดังนั้นผู้ใช้ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับระยะเวลาการใช้ยาที่เหมาะสมเพื่อลดปฏิกิริยาระหว่างยา
ข้อควรระวังในการใช้ยา
- ควรรับประทานตามคำสั่งแพทย์และไม่ควรหยุดยาเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- สำหรับผู้ที่มีภาวะท้องผูกอยู่ก่อนแล้ว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยาร่วมกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีไขมันสูง เพราะจะลดประสิทธิภาพของยาในการลดไขมันในเลือด
ข้อควรระวัง:
- โรคตับ: ควรระมัดระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคตับ
- ปัญหาในการกลืน: ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาในการกลืน
- การตั้งครรภ์และให้นมบุตร: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
- ปฏิกิริยาระหว่างยา: อาจลดการดูดซึมของยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาคุมกำเนิด ยาไทรอยด
สรุป
Cholestyramine เป็นยาลดไขมันในกลุ่ม bile acid sequestrants ที่มีประโยชน์ในการลดระดับไขมัน LDL และช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยาอาจมีผลข้างเคียงและปฏิกิริยาระหว่างยากับยาชนิดอื่น ควรใช้ยาอย่างระมัดระวังและภายใต้การดูแลของแพทย์
Cholestyramine: ยาลดคอเลสเตอรอล ที่ช่วยดูดซับไขมันในลำไส้
กลไกการออกฤทธิ์:
ปกติแล้ว ตับจะสร้างกรดน้ำดีเพื่อช่วยย่อยไขมัน หลังจากนั้นกรดน้ำดีจะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย Cholestyramine จะไปจับกับกรดน้ำดีในลำไส้ ทำให้ร่างกายขับกรดน้ำดีออกทางอุจจาระมากขึ้น เมื่อร่างกายสูญเสียกรดน้ำดีไป ตับจึงต้องนำคอเลสเตอรอลมาสร้างกรดน้ำดีใหม่ ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง
้
ุ
์
ผลข้างเคียงของยา
- ท้องผูกเป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดซึ่งขึ้นกับปริมาณที่รับประทาน และอายุ
- ปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน
- เลือดออกง่าย จ้ำเลือด
- ลมพิษ หอบหืด
- ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
- ปัสสาวะเป็นเลือด
ยานี้ทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ ท้องผูก เนื่องจากยานี้อาจจะลดการดูดซึมของยาชนิดอื่น แนะนำให้รับประทานยานี้ก่อนยาชนิดอื่น 4 ชั่วโมง หรือหลังยาชนิดอื่น 1 ชั่วโมง ยานี้อาจจะทำให้ร่างกายขาดวิตามินที่ละลายในน้ำ
การใช้ยานี้ร่วมกับยาชนิดอื่น
ยานี้อาจจะชลอการดูดซึมของยาทำให้ยาอื่นด้อยประสิทธิภาพ
Bile acid sequestrants
- ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ Cholestyramine [4-16 g],Colestipol
[5-20gm],Colesevelam[2.6-3.8gm]
- ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์ในการจับกับไขมันในลำไส้เพื่อขับออกทางอุจาระ
- ยากลุ่มนี้ลด LDLได้ร้อยละ15-30%และเพิ่มระดับ HDLได้ร้อยละ 3-5 %
- ผลข้างเคียงของยาแน่นท้อง ท้องผูก ลดการดูดซึมของยาบางชนิด
- ข้อห้ามใช้ ในผู้ป่วยที่มีtriglycerideสูงกว่า 400 มก.%
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาCholestyramine
- ใช้ลดไขมัน
- ช่วยบรรเทาอาการคันอันเนื่องมาจากท่อน้ำดีอุดตันบางส่วน
- บรรเทาอาการท้องเสียเนื่องมาจากการดูดซึมกลับของน้ำดีผิดปกติ
ทำอย่างไรถ้าลืมรับประทานยา Cholestyramine
ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากใกล้กับเวลารับประทานครั้งต่อไป ให้รับประทานยาครั้งต่อไปตามปกติโดยไม่ต้องเพิ่มเป็น 2 เท่า
เมื่อเกิดอาการข้างเคียงควรทำอย่างไร
ผู้ที่ใช้ยาขนาดสูงเป็นเวลานานหรือคนสูงอายุ อาจมีอาการท้องผูก แนะนำให้เพิ่มอาหารที่มีกากใยและดื่มน้ำมาก ๆ หากเป็นรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ อาการท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องเสีย อาจหายไปได้เมื่อใช้ยาต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าไม่หายหรือรุนแรงขึ้น ให้หยุดยาแล้วพบแพทย์
ข้อควรระวัง
ควรบอกแพทย์หากมีประวัติท้องผูก โรคหัวใจ โรคกระเพาะ โรคถุงน้ำดีผิดปกติ หรือรับประทานยาอื่นอยู่ แม้ว่ายานี้ไม่ถูกดูดซึมเข้ากระแสโลหิต แต่ก็ควรระวังในสตร
ความปลอดภัยของยานี้ในสตรีมีครรภ์
สำหรับสตรีมีครรภ์ ยานี้จัดอยู่ในประเภท C