dgdji
คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (Simple Carbohydrates) เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ประกอบด้วยหน่วยน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวหรือสองโมเลกุล ซึ่งสามารถดูดซึมและย่อยได้อย่างรวดเร็ว แหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวมักมาจากอาหารที่มีน้ำตาลธรรมชาติหรือน้ำตาลที่ถูกเติมเข้าไป อาหารเหล่านี้มักให้พลังงานอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งอาจไม่มีสารอาหารอื่นที่เพียงพอ แหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวที่สำคัญได้แก่:
1. ผลไม้ (Fruits)
- ผลไม้สดและน้ำผลไม้เป็นแหล่งที่ดีของน้ำตาลเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะฟรักโทส (Fructose) ซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติที่ให้รสหวาน เช่น:
- แอปเปิ้ล
- ส้ม
- กล้วย
- องุ่น
- ลูกแพร์
2. น้ำผึ้ง (Honey)
- น้ำผึ้งเป็นแหล่งธรรมชาติของฟรักโทสและกลูโคส มีน้ำตาลธรรมชาติสูง จึงให้พลังงานอย่างรวดเร็ว
3. นมและผลิตภัณฑ์จากนม (Milk and Dairy Products)
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ต และชีส มีน้ำตาลแลคโทส (Lactose) ซึ่งเป็นน้ำตาลเชิงคู่ที่ประกอบด้วยกลูโคสและกาแลคโทส
4. น้ำตาลทรายและน้ำตาลในอาหารแปรรูป (Table Sugar and Processed Foods)
- น้ำตาลทราย (ซูโครส) เป็นน้ำตาลเชิงคู่ที่พบในอาหารหลายชนิด เช่น ขนมหวาน, ลูกอม, ขนมอบ, น้ำอัดลม และน้ำผลไม้บรรจุกล่อง น้ำตาลชนิดนี้ให้พลังงานทันทีแต่ไม่มีสารอาหารที่สำคัญอื่นๆ
5. ขนมหวานและขนมอบ (Sweets and Baked Goods)
- อาหารที่มีน้ำตาลเพิ่ม เช่น ขนมเค้ก, คุกกี้, โดนัท, และไอศกรีม มักมีน้ำตาลเชิงเดี่ยวสูง เช่น ซูโครส และกลูโคส ที่ถูกเติมเข้าไปเพื่อเพิ่มรสชาติหวาน
6. น้ำเชื่อม (Syrups)
- น้ำเชื่อมหลายชนิด เช่น น้ำเชื่อมข้าวโพด (Corn Syrup) และน้ำเชื่อมเมเปิ้ล (Maple Syrup) มีฟรักโทสและกลูโคสเป็นส่วนประกอบหลัก ใช้ในขนมหวานและเครื่องดื่มต่างๆ
7. ผลไม้แห้ง (Dried Fruits)
- ผลไม้แห้ง เช่น ลูกเกด, แอปริคอตแห้ง, และอินทผลัม มีน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่เข้มข้นกว่าผลไม้สด เนื่องจากกระบวนการทำให้แห้งทำให้มีการสูญเสียน้ำ ทำให้น้ำตาลมีความเข้มข้นสูงขึ้น
8. เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล (Sugary Beverages)
- น้ำอัดลม, เครื่องดื่มเกลือแร่, และน้ำผลไม้ปรุงแต่ง มักมีน้ำตาลเชิงเดี่ยว เช่น กลูโคสและฟรักโทส ที่ถูกเติมเข้าไปเพื่อเพิ่มความหวาน
สรุป:
แหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวมีทั้งจากแหล่งธรรมชาติ เช่น ผลไม้ น้ำผึ้ง นม และจากอาหารที่เติมน้ำตาล เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม และอาหารแปรรูป ควรเลือกบริโภคแหล่งคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวจากอาหารธรรมชาติมากกว่าอาหารแปรรูปเพื่อลดปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไป และเพิ่มสารอาหารที่มีประโยชน์ในอาหาร
น้ำตาลเชิงเดี่ยว (Monosaccharides) เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีโครงสร้างโมเลกุลที่ง่ายที่สุด ประกอบด้วยหน่วยน้ำตาลเดี่ยวเพียงหนึ่งหน่วย โครงสร้างของน้ำตาลเชิงเดี่ยวจะประกอบด้วย คาร์บอน (C), ไฮโดรเจน (H) และ ออกซิเจน (O) ในสัดส่วนที่แน่นอน โดยสูตรเคมีพื้นฐานของน้ำตาลเชิงเดี่ยวคือ C6H12O6 ซึ่งเป็นสูตรของกลูโคสและน้ำตาลเชิงเดี่ยวชนิดอื่น ๆ
โครงสร้างโมเลกุลของน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่สำคัญ:
-
กลูโคส (Glucose)
- กลูโคสเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่พบได้ทั่วไปมากที่สุดในธรรมชาติ มีสูตรเคมีคือ C6H12O6
- โครงสร้างของกลูโคสสามารถอยู่ในรูปแบบห่วง (cyclic form) หรือโครงสร้างเส้นตรง (linear form) ซึ่งมักพบในรูปแบบวงแหวนหกเหลี่ยม (pyranose) โดยมีออกซิเจนเป็นส่วนหนึ่งของวงแหวน
- กลูโคสเป็นสารให้พลังงานที่สำคัญสำหรับเซลล์ในร่างกายและเป็นแหล่งพลังงานหลักของสมอง
-
ฟรักโทส (Fructose)
- ฟรักโทสเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่พบในผลไม้และน้ำผึ้ง มีสูตรเคมีเหมือนกับกลูโคสคือ C6H12O6 แต่มีโครงสร้างที่แตกต่างกัน
- ฟรักโทสมักพบในรูปแบบวงแหวนห้าเหลี่ยม (furanose) ซึ่งต่างจากกลูโคสที่มักพบในวงแหวนหกเหลี่ยม
-
กาแลคโทส (Galactose)
- กาแลคโทสเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่พบในน้ำตาลแลคโทส (น้ำตาลในนม) มีสูตรเคมีคือ C6H12O6 เช่นกัน แต่มีการจัดเรียงอะตอมที่แตกต่างจากกลูโคสเล็กน้อย
- โครงสร้างวงแหวนของกาแลคโทสคล้ายกับกลูโคส แต่ความแตกต่างอยู่ที่การจัดวางกลุ่มไฮดรอกซิล (-OH) ที่คาร์บอนตำแหน่งที่ 4 ของโมเลกุล
โครงสร้างทั่วไป:
- น้ำตาลเชิงเดี่ยวมีทั้ง โครงสร้างเส้นตรง และ โครงสร้างวงแหวน (cyclic structure) โดยทั่วไปเมื่ออยู่ในสารละลาย น้ำตาลเชิงเดี่ยวจะอยู่ในรูปของวงแหวนมากกว่า ซึ่งเกิดจากการที่อะตอมคาร์บอนและออกซิเจนในโมเลกุลเชื่อมกันเป็นวง
ตัวอย่างการจัดเรียงของอะตอม:
- น้ำตาลเชิงเดี่ยวทั้งหมดประกอบด้วยคาร์บอน 6 อะตอม ไฮโดรเจน 12 อะตอม และออกซิเจน 6 อะตอม แต่โครงสร้างที่แตกต่างกันเกิดจากการจัดเรียงพันธะระหว่างอะตอมของคาร์บอนและออกซิเจน ทำให้เกิดคุณสมบัติและรสชาติที่แตกต่างกัน
รูปภาพช่วยในการเข้าใจ:
น้ำตาลเชิงเดี่ยวในรูปแบบของกลูโคสและฟรักโทสจะมีการจัดเรียงเป็นวงที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างทางเคมีและคุณสมบัติการย่อยเปลี่ยนแปลงไป
คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (Simple Carbohydrates) เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ประกอบด้วยหน่วยน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวหรือสองโมเลกุล ซึ่งสามารถดูดซึมและย่อยได้อย่างรวดเร็ว แหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวมักมาจากอาหารที่มีน้ำตาลธรรมชาติหรือน้ำตาลที่ถูกเติมเข้าไป อาหารเหล่านี้มักให้พลังงานอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งอาจไม่มีสารอาหารอื่นที่เพียงพอ แหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวที่สำคัญได้แก่:
1. ผลไม้ (Fruits)
- ผลไม้สดและน้ำผลไม้เป็นแหล่งที่ดีของน้ำตาลเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะฟรักโทส (Fructose) ซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติที่ให้รสหวาน เช่น:
- แอปเปิ้ล
- ส้ม
- กล้วย
- องุ่น
- ลูกแพร์
2. น้ำผึ้ง (Honey)
- น้ำผึ้งเป็นแหล่งธรรมชาติของฟรักโทสและกลูโคส มีน้ำตาลธรรมชาติสูง จึงให้พลังงานอย่างรวดเร็ว
3. นมและผลิตภัณฑ์จากนม (Milk and Dairy Products)
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ต และชีส มีน้ำตาลแลคโทส (Lactose) ซึ่งเป็นน้ำตาลเชิงคู่ที่ประกอบด้วยกลูโคสและกาแลคโทส
4. น้ำตาลทรายและน้ำตาลในอาหารแปรรูป (Table Sugar and Processed Foods)
- น้ำตาลทราย (ซูโครส) เป็นน้ำตาลเชิงคู่ที่พบในอาหารหลายชนิด เช่น ขนมหวาน, ลูกอม, ขนมอบ, น้ำอัดลม และน้ำผลไม้บรรจุกล่อง น้ำตาลชนิดนี้ให้พลังงานทันทีแต่ไม่มีสารอาหารที่สำคัญอื่นๆ
5. ขนมหวานและขนมอบ (Sweets and Baked Goods)
- อาหารที่มีน้ำตาลเพิ่ม เช่น ขนมเค้ก, คุกกี้, โดนัท, และไอศกรีม มักมีน้ำตาลเชิงเดี่ยวสูง เช่น ซูโครส และกลูโคส ที่ถูกเติมเข้าไปเพื่อเพิ่มรสชาติหวาน
6. น้ำเชื่อม (Syrups)
- น้ำเชื่อมหลายชนิด เช่น น้ำเชื่อมข้าวโพด (Corn Syrup) และน้ำเชื่อมเมเปิ้ล (Maple Syrup) มีฟรักโทสและกลูโคสเป็นส่วนประกอบหลัก ใช้ในขนมหวานและเครื่องดื่มต่างๆ
7. ผลไม้แห้ง (Dried Fruits)
- ผลไม้แห้ง เช่น ลูกเกด, แอปริคอตแห้ง, และอินทผลัม มีน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่เข้มข้นกว่าผลไม้สด เนื่องจากกระบวนการทำให้แห้งทำให้มีการสูญเสียน้ำ ทำให้น้ำตาลมีความเข้มข้นสูงขึ้น
8. เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล (Sugary Beverages)
- น้ำอัดลม, เครื่องดื่มเกลือแร่, และน้ำผลไม้ปรุงแต่ง มักมีน้ำตาลเชิงเดี่ยว เช่น กลูโคสและฟรักโทส ที่ถูกเติมเข้าไปเพื่อเพิ่มความหวาน
สรุป:
แหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวมีทั้งจากแหล่งธรรมชาติ เช่น ผลไม้ น้ำผึ้ง นม และจากอาหารที่เติมน้ำตาล เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม และอาหารแปรรูป ควรเลือกบริโภคแหล่งคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวจากอาหารธรรมชาติมากกว่าอาหารแปรรูปเพื่อลดปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไปและเพิ่มสารอาหารที่มีประโยชน์ในอาหาร
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว