dgdji
คาร์โบไฮเดรตแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักตามโครงสร้างและการย่อยในร่างกาย ได้แก่ คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว และ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน แต่ละประเภทมีลักษณะและบทบาทต่างกัน:
1. คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (Simple Carbohydrates)
คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ประกอบด้วยหน่วยน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวหรือสองโมเลกุล เชิงเดี่ยวนี้ย่อยง่ายและถูกดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมี 2 ประเภทหลัก:
- น้ำตาลเชิงเดี่ยว (Monosaccharides)
เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ประกอบด้วยโมเลกุลน้ำตาลหนึ่งโมเลกุล เช่น:
- กลูโคส (Glucose): เป็นแหล่งพลังงานหลักของเซลล์
- ฟรักโทส (Fructose): พบในผลไม้และน้ำผึ้ง
- กาแลคโทส (Galactose): ส่วนหนึ่งของน้ำตาลแลคโทสในนม
- น้ำตาลเชิงคู่ (Disaccharides)
เกิดจากการรวมตัวของน้ำตาลเชิงเดี่ยวสองโมเลกุล เช่น:
- ซูโครส (Sucrose): น้ำตาลทั่วไปที่พบในอาหารหวาน (กลูโคส + ฟรักโทส)
- แลคโทส (Lactose): น้ำตาลในนม (กลูโคส + กาแลคโทส)
- มอลโทส (Maltose): น้ำตาลจากข้าวมอลต์ (กลูโคส + กลูโคส)
2. คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex Carbohydrates)
คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนประกอบด้วยสายยาวของโมเลกุลน้ำตาลที่เชื่อมต่อกัน ทำให้ย่อยและดูดซึมได้ช้ากว่า มีสองประเภทหลัก:
- โอลิโกแซ็กคาไรด์ (Oligosaccharides)
ประกอบด้วยหน่วยน้ำตาล 3-10 โมเลกุล ตัวอย่างเช่น ฟรุกโตโอลิโกแซ็กคาไรด์ ซึ่งพบในพืชบางชนิด
- โพลีแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides)
ประกอบด้วยหน่วยน้ำตาลมากกว่า 10 โมเลกุล ตัวอย่างเช่น:
- แป้ง (Starch): พบในธัญพืช, ข้าว, และมันฝรั่ง เป็นแหล่งพลังงานสำคัญ
- ไกลโคเจน (Glycogen): เป็นแหล่งสะสมพลังงานในร่างกาย พบในตับและกล้ามเนื้อ
- เซลลูโลส (Cellulose): เป็นส่วนประกอบในผักและผลไม้ แต่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อยได้ เป็นเส้นใยอาหารที่ช่วยการย่อยอาหาร
ความแตกต่างที่สำคัญ:
- คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว: ให้พลังงานรวดเร็ว ย่อยง่าย พบในอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน, น้ำผลไม้
- คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน: ย่อยช้าและให้พลังงานที่ต่อเนื่อง พบในธัญพืชไม่ขัดสี, ผัก, และผลไม้
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว