ลด Glycemic Index (GI) ในอาหาร: กินอย่างไรให้น้ำตาลไม่พุ่ง!
Glycemic Index (GI) หรือ ดัชนีน้ำตาล บอกถึงความเร็วที่อาหารถูกย่อยเป็นน้ำตาลกลูโคสและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด อาหาร GI สูง ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคหัวใจ แต่เราสามารถลด GI ในอาหารได้ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้
1. เลือกชนิดของคาร์โบไฮเดรต
- เน้นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเช่นธัญพืชเต็มเมล็ดมากกว่าธัญพืชขัดสี ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง คีนัว และขนมปังโฮลวีต มีค่า GI ต่ำกว่าธัญพืชขัดสี เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว และพาสต้า: เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ธัญพืชไม่ขัดสี เพราะมีไฟเบอร์สูง ย่อยช้า และให้พลังงานอย่างต่อเนื่อง
- จำกัดคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว: เช่น น้ำตาลทราย ขนมหวาน น้ำอัดลม เพราะย่อยเร็ว ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูง
2. เพิ่มไฟเบอร์ในมื้ออาหาร
- ไฟเบอร์ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล: ทานผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว และเมล็ดพืชต่างๆ
- เติมไฟเบอร์ลงในอาหาร: เช่น ใส่ผักในแกง ใส่ถั่วในสลัด โรยเมล็ดเจียในโยเกิร์ต
3. ปรับวิธีการปรุงอาหาร
- หลีกเลี่ยงการปรุงอาหารนานเกินไป: เช่น ต้ม นึ่ง ผัด แทนการทอด เพราะความร้อนสูงเป็นเวลานานจะเพิ่ม GI
- อย่าบดหรือปั่นละเอียดเกินไป: เช่น เลือกทานข้าวกล้องแบบเม็ดเต็ม แทนข้าวกล้องบด เพราะยิ่งละเอียด ยิ่งย่อยง่าย
- ปรุงอาหารของคุณด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันอะโวคาโด ไขมันที่ดีต่อสุขภาพสามารถช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด
- เติมน้ำส้มสายชูลงในอาหารของคุณ. น้ำส้มสายชูสามารถช่วยลดค่า GI ของอาหารได้
4.รับประทานโปรตีน:เลือกแหล่งโปรตีนไม่ติดมัน. แหล่งโปรตีนไม่ติดมัน เช่น ปลา ไก่ และถั่ว มีค่า GI ต่ำ การรับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์และแหล่งโปรตีนอื่น ๆ ช่วยลดความรู้สึกหิวและช่วยลดความสูงของระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากมื้ออาหาร
5. รับประทานอาหาร GI ต่ำร่วมด้วย
- ทานอาหาร GI ต่ำควบคู่กับ GI กลางหรือสูง: เช่น ทานข้าวขาวกับผักเยอะๆ ทานกล้วยหอมกับโยเกิร์ต
- สร้างสมดุลในมื้ออาหาร: ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
6. ควบคุมปริมาณอาหาร
- แบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กๆ: การรับประทานอาหารมื้อเล็ก ๆ บ่อยขึ้นสามารถช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ แต่ละมื้อไม่มากเกินไป ช่วยให้ร่างกายค่อยๆ ย่อยและดูดซึม
- ใส่ใจขนาดของอาหาร: ใช้จานใบเล็ก ตักอาหารแต่พอดี หลีกเลี่ยงการเติมข้าว
7. เลือกผลไม้ที่ไม่สุกมาก
- ผลไม้สุก GI สูงกว่าผลไม้ดิบ: เช่น กล้วยดิบ GI ต่ำกว่ากล้วยสุก
- เลือกผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว: เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ลเขียว ส้ม มักมี GI ต่ำกว่าผลไม้รสหวานจัด
8. ดื่มน้ำสะอาด
- น้ำช่วยลดความเข้มข้นของน้ำตาลในเลือด: ดื่มน้ำเปล่า แทนน้ำหวาน น้ำอัดลม
- ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร: ช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น และทานอาหารได้น้อยลง
- จำกัด เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เช่น โซดา น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มเกลือแร่มีค่า GI สูง
9. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- การออกกำลังกายช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: เลือกกิจกรรมที่ชอบ เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน
- ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที: สัปดาห์ละ 5 วัน หรือ 150 นาทีต่อสัปดาห์
ตัวอย่างเมนูอาหาร GI ต่ำ
- เช้า: ข้าวโอ๊ตกับผลไม้สด โยเกิร์ต ไข่ต้ม
- กลางวัน: สลัดอกไก่ ยำวุ้นเส้น เกาเหลา
- เย็น: แกงส้มปลา ผัดผักรวมมิตร ต้มจืดเต้าหู้