Glycemic Load ปานกลาง: การเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพและควบคุมน้ำตาลในเลือด
ในการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและควบคุมน้ำตาลในเลือด แนวคิดเรื่อง Glycemic Load (GL) หรือ “ภาระน้ำตาล” มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดย Glycemic Load จะช่วยบอกถึงปริมาณน้ำตาลที่เข้าสู่ร่างกาย และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับระดับน้ำตาลในเลือดหลังการรับประทานอาหาร ซึ่งการเลือกทานอาหารที่มีค่า Glycemic Load ระดับปานกลางถือเป็นแนวทางที่ดีในการควบคุมน้ำตาลในเลือด และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจได้
Glycemic Load คืออะไร?
Glycemic Load คือ ค่าที่แสดงถึงผลกระทบของอาหารต่อระดับน้ำตาลในเลือดของเรา โดยค่านี้จะพิจารณาจากทั้งปริมาณคาร์โบไฮเดรตและค่า Glycemic Index (GI) ของอาหารนั้น ๆ ซึ่งทำให้ GL สามารถบอกถึงระดับน้ำตาลที่จะเพิ่มขึ้นได้แม่นยำมากกว่าการใช้ค่า GI อย่างเดียว GL มีระดับแบ่งออกเป็น 3 ประเภท:
- GL ต่ำ: ต่ำกว่า 10
- GL ปานกลาง: ระหว่าง 11–19
- GL สูง: 20 ขึ้นไป
การเลือกรับประทานอาหารที่มีค่า Glycemic Load ปานกลาง
อาหารที่มีค่า Glycemic Load ปานกลางช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่มากกว่าอาหารที่มีค่า GL สูง เนื่องจากการย่อยอาหารและการดูดซึมน้ำตาลเกิดขึ้นอย่างช้าๆ จึงช่วยลดการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหลังการรับประทานอาหาร ตัวอย่างอาหารที่มีค่า Glycemic Load ปานกลาง เช่น ข้าวกล้อง เผือก ถั่วต่าง ๆ และธัญพืชที่ผ่านการขัดสีน้อย
อาหารที่มีค่า GL ปานกลางเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่สมดุล นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่มี GL ปานกลางยังช่วยเพิ่มพลังงานที่ยั่งยืน ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้นและลดโอกาสในการเกิดความอยากอาหารระหว่างวัน
ข้อดีของการรับประทานอาหารที่มี Glycemic Load ปานกลาง
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: อาหารที่มี GL ปานกลางช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็วและป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได
- พลังงานยั่งยืน: อาหาร GL ปานกลางมักถูกย่อยและดูดซึมช้ากว่าอาหาร GL สูง ทำให้พลังงานอยู่ได้นานขึ้นและลดความรู้สึกหิว
- ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานและโรคหัวใจ: การคุมระดับน้ำตาลในเลือดด้วยการทานอาหาร GL ปานกลางช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับระดับน้ำตาลในเลือดสูง เช่น เบาหวานประเภท 2 และโรคหัวใจ
- ส่งเสริมการควบคุมน้ำหนัก: อาหารที่มี GL ปานกลางช่วยให้อิ่มนานขึ้น จึงช่วยลดความอยากอาหารและการบริโภคอาหารเพิ่มเติม ซึ่งเป็นประโยชน์ในการควบคุมน้ำหนัก
ข้อเสียของการรับประทานอาหารที่มี Glycemic Load ปานกลาง
- ยังคงมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด: แม้ว่าจะไม่ส่งผลรุนแรงเท่าอาหาร GL สูง แต่อาหาร GL ปานกลางก็ยังทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงจำเป็นต้องบริโภคอย่างระมัดระวัง
- อาจก่อให้เกิดการสะสมพลังงานหากทานมากเกินไป: การบริโภคอาหาร GL ปานกลางในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้พลังงานที่ได้รับจากคาร์โบไฮเดรตส่วนเกินถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกาย
- ต้องใส่ใจในส่วนประกอบอื่น ๆ ของอาหาร: อาหารที่มีค่า GL ปานกลางบางชนิด เช่น ขนมปังโฮลวีต หรือมันฝรั่ง อาจมีไขมันและแคลอรี่สูง จึงควรเลือกอาหารที่เหมาะสมกับเป้าหมายด้านสุขภาพ
ข้อควรระวังในการรับประทานอาหาร Glycemic Load ปานกลาง
- ทานในปริมาณที่เหมาะสม: แม้ว่าอาหาร GL ปานกลางจะมีประโยชน์ แต่การทานในปริมาณที่มากเกินไปก็ยังคงส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นควรควบคุมปริมาณการทานให้เหมาะสมกับความต้องการพลังงาน
- เลือกอาหารที่มีไฟเบอร์สูง: ไฟเบอร์ช่วยลดการดูดซึมน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่มากยิ่งขึ้น จึงควรเลือกทานอาหาร GL ปานกลางที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ที่ไม่หวานจัด หรือธัญพืชเต็มเมล็ด
- ควบคุมการทานอาหาร GL สูงในมื้อเดียวกัน: การทานอาหาร GL ปานกลางร่วมกับอาหาร GL สูงจะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว ดังนั้นควรจัดมื้ออาหารให้มีส่วนประกอบของโปรตีนและไขมันดีเพื่อช่วยชะลอการดูดซึม
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน: ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมน้ำตาลในเลือด ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการหรือแพทย์ก่อนปรับการทานอาหาร
โดยรวมแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่มี Glycemic Load ปานกลางสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพได้ หากใส่ใจปริมาณและการทานร่วมกับอาหารประเภทอื่น ๆ
คำแนะนำในการเลือกทานอาหารที่มี Glycemic Load ปานกลาง
- เลือกข้าวกล้องหรือข้าวโอ๊ตแทนข้าวขาว และเลือกผลไม้สดแทนการทานน้ำผลไม้
- เพิ่มโปรตีนและไขมันดี เช่น ถั่วและอะโวคาโดในมื้ออาหาร เพื่อลดการดูดซึมน้ำตาล
- ลดการทานขนมหวานและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง และเลือกผลไม้สดที่มีค่าภาระน้ำตาลต่ำ-ปานกลาง เช่น แอปเปิลและลูกแพร์
สรุป
การเลือกทานอาหารที่มี Glycemic Load ปานกลางเป็นวิธีหนึ่งในการดูแลสุขภาพและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเราทำตามคำแนะนำข้างต้นและให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีค่า GL ปานกลาง ก็จะช่วยให้เรามีสุขภาพดีและห่างไกลจากความเสี่ยงโรคเรื้อรังได้
การเลือกรับประทานอาหารที่มี Glycemic Load (GL) ปานกลาง สามารถช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ซึ่งในแต่ละกลุ่มอาหารจะมีตัวเลือกที่หลากหลาย
มาดูกันว่าอาหารในกลุ่มต่างๆ ที่มีค่า GL ปานกลางนั้นมีอะไรบ้าง
1. ผลไม้
ผลไม้บางชนิดมีค่า GL ปานกลางที่สามารถเลือกทานได้ เช่น
- แอปเปิล (1 ลูก)
- ลูกแพร์ (1 ลูก)
- ส้ม (1 ลูก)
- ลูกพลัม (2 ลูก)
- กล้วยขนาดกลาง (1 ลูก)
- มะม่วง (ประมาณ ½ ลูก)
- สัปปะรด (1-2 ชิ้น)
2. ขนมปัง
ขนมปังที่มี GL ปานกลางนั้นจะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่มากขึ้น เช่น
- ขนมปังโฮลวีต (1 แผ่น)
- ขนมปังธัญพืชเต็มเมล็ด (1 แผ่น)
- ขนมปังข้าวไรย์ (1 แผ่นบาง)
3. ผัก
ผักส่วนใหญ่มีค่า GL ต่ำ แต่ผักที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงบางชนิดจะอยู่ในระดับ GL ปานกลาง เช่น
- มันเทศ (ประมาณ ½ หัว)
- เผือก (ประมาณ ½ ถ้วย)
- มันฝรั่ง (ประมาณ ½ หัวขนาดกลาง)
- บีทรูท (ประมาณ ½ ถ้วย)
4. ข้าวและธัญพืช
ข้าวและธัญพืชบางชนิดมีค่า GL ปานกลางและเป็นแหล่งพลังงานที่ดี เช่น
- ข้าวกล้อง (ประมาณ ½ ถ้วยตวง)
- คีนัว (ประมาณ ½ ถ้วยตวง)
- ข้าวบาร์เลย์ (ประมาณ ½ ถ้วยตวง)
- ข้าวโพดต้ม (1 ฝักเล็ก)
5. เครื่องดื่ม
เครื่องดื่มที่มี GL ปานกลางนั้นควรหลีกเลี่ยงน้ำตาลเพิ่มเพื่อรักษาค่า GL ไม่ให้สูง เช่น
- น้ำผลไม้สด 100% (เช่น น้ำส้ม น้ำแอปเปิล ประมาณ ½ แก้ว)
- นมถั่วเหลืองไม่หวาน (ประมาณ 1 แก้ว)
- นมวัวหรือนมถั่วไม่หวาน (ประมาณ 1 แก้ว)
6. อื่นๆ
อาหารกลุ่มอื่นที่มีค่า GL ปานกลางและสามารถทานได้ในปริมาณที่เหมาะสม เช่น
- พาสต้าโฮลวีต (ประมาณ ½ ถ้วยตวง)
- ข้าวโอ๊ต (ประมาณ ½ ถ้วยตวง)
- ถั่วลันเตา หรือ ถั่วแดง (ประมาณ ½ ถ้วยตวง)
- โยเกิร์ตธรรมชาติไม่หวาน (ประมาณ 1 ถ้วย)
ข้อควรระวัง
แม้ว่าอาหารเหล่านี้จะมีค่า GL ปานกลาง แต่การทานในปริมาณที่มากเกินไปก็สามารถเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้เช่นกัน ดังนั้น ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและเลือกทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงร่วมด้วยเพื่อช่วยในการดูดซึมที่ช้าและคงระดับพลังงานอย่างยั่งยืน
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว