ขนมไทยชนิดไหนที่คนเป็นเบาหวานรับประทานได้

Glycemic Index (GI) และ Glycemic Load (GL) ของขนมไทย

ขนมไทย เป็นอาหารหวานที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องรสชาติและวัตถุดิบ เช่น กะทิ น้ำตาลมะพร้าว และแป้งชนิดต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ขนมไทยบางชนิดมีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง ซึ่งอาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด

Glycemic Index (GI) และ Glycemic Load (GL) คืออะไร?

GI (Glycemic Index): เป็นค่าที่บ่งบอกว่าอาหารชนิดนั้นทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นเร็วเพียงใด (ค่า 0-100)
GL (Glycemic Load): ประเมินผลกระทบที่แท้จริงของการบริโภคอาหาร โดยคำนึงถึงปริมาณคาร์โบไฮเดรตในหนึ่งหน่วยบริโภค
- สูตร: GL = (GI × คาร์โบไฮเดรตในอาหาร (g)) ÷ 100

GI และ GL ของขนมไทย 20 ชนิด (ต่อ 1 หน่วยบริโภค)

ขนมไทย	GI	คาร์โบไฮเดรต (g)	GL
ข้าวเหนียวมะม่วง	87	45	39
ขนมต้ม	55	22	12
ขนมครก	62	30	19
บัวลอย	85	40	34
ทองหยิบ	75	30	23
ทองหยอด	73	35	26
ฝอยทอง	76	28	21
สังขยาฟักทอง	68	20	14
กล้วยบวชชี	70	30	21
ลอดช่องน้ำกะทิ	79	38	30
ขนมชั้น	65	25	16
ขนมถ้วย	63	28	18
ขนมปังสังขยา	75	50	38
ข้าวต้มมัด	64	32	20
สาคูไส้หมู	55	15	8
สาคูเปียก	72	30	22
เฉาก๊วยน้ำเชื่อม	55	20	11
ขนมกล้วย	60	28	17
วุ้นกะทิ	48	22	11
ข้าวเหนียวถั่วดำ	80	35	28

ให้หลีกเลี่ยงขนมที่ระบายสีแดง

วิเคราะห์ข้อมูล

GI สูง (≥ 70):
- ข้าวเหนียวมะม่วง, บัวลอย, ทองหยิบ, ลอดช่องน้ำกะทิ
- เหมาะสำหรับการบริโภคในปริมาณเล็กน้อย โดยเฉพาะผู้ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
GL สูง (≥ 20):
- ขนมที่มีน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ทองหยอด, ขนมปังสังขยา, ข้าวเหนียวถั่วดำ ข้าวเหนียวมะม่วง, บัวลอย, ทองหยิบ, ลอดช่องน้ำกะทิ สาคูเปียก
GI และ GL ปานกลาง (55-69):
- สังขยาฟักทอง, ขนมถ้วย, ขนมชั้น
- เหมาะสำหรับบริโภคเป็นครั้งคราวและควรลดปริมาณน้ำตาล

คำแนะนำสำหรับการบริโภคขนมไทย

เลือกขนมที่มี GI และ GL ต่ำ เช่น วุ้นกะทิ หรือ เฉาก๊วยน้ำเชื่อม
หากรับประทานขนมที่มี GI สูง ควรจับคู่กับอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผลไม้หรือถั่ว เพื่อช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล
จำกัดปริมาณการบริโภคขนมหวาน โดยเฉพาะขนมที่มีน้ำเชื่อมหรือกะทิในปริมาณมาก

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว