dgdji
วิธีปฏิบัติตามอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ
หากคุณสนใจที่จะรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ มีบางสิ่งที่คุณต้องทำ:
- คำนวณปริมาณคาร์โบไฮเดรตของคุณในแต่ละวัน สิ่งนี้จะขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความต้องการส่วนบุคคลของคุณ มีเวปที่คำนวนพลังงานที่ใช้พร้อมทั้งกำหนดปริมาณคาร์โบไฮเดรต TDEECalculator.net
- เลือกอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ มีแหล่งข้อมูลมากมายที่จะช่วยคุณหาอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ
- ติดตามปริมาณคาร์โบไฮเดรตของคุณ วิธีนี้จะช่วยให้คุณติดตามและแน่ใจว่าคุณไม่ได้กินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป
- อดทน อาจต้องใช้เวลาสักระยะในการปรับตัวให้เข้ากับอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ
เคล็ดลับที่ดีที่สุดในการรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ
เคล็ดลับที่อาจช่วยให้บุคคลปฏิบัติตามอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ ได้แก่:
- ศึกษาประเภทต่าง ๆ ของคาร์โบไฮเดรตก่อนเริ่มต้น
- หาอาหารทดแทนที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำสำหรับอาหารยอดนิยม
- วางแผนมื้ออาหารและเตรียมอาหารล่วงหน้า
- พิจารณาการสลับการบริโภคคาร์โบไฮเดรต
- ตรวจสอบสุขภาพเป็นประจำ
อาหารคาร์โบไฮเดรตคืออะไร?
นอกจากบทบาทในการให้พลังงานแล้ว คาร์บยังช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด เมแทบอลิซึมของอินซูลิน และสนับสนุนเมแทบอลิซึมของคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ เมื่อมีคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปในอาหาร การทำงานของร่างกายเหล่านี้อาจถูกโยนทิ้งไป
คาร์โบไฮเดรตในอาหารสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่อไปนี้:
- คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวเช่น โซดาและลูกอม ซึ่งทำให้น้ำตาลในเลือด สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
- คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเช่น ผลไม้ ผัก และเมล็ดธัญพืช ซึ่งมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเส้นใยและสารอาหารของพวกมัน
- ไฟเบอร์ซึ่งเป็นส่วนที่ย่อยไม่ได้ของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่สนับสนุนสุขภาพของลำไส้
อาหารทดแทน
ถ้าคุณต้องการอาหารทดแทนที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำสำหรับอาหารยอดนิยม ต่อไปนี้เป็นตัวเลือกที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้:
1. ข้าว (Rice)
- ทดแทนด้วย: ข้าวดอกกะหล่ำ (Cauliflower Rice) – ดอกกะหล่ำหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ และนำมาผัดหรือปรุงจนสุก จะให้รสชาติและเนื้อสัมผัสใกล้เคียงกับข้าว แต่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก
2. เส้นพาสต้า (Pasta)
- ทดแทนด้วย: เส้นบวบ (Zucchini Noodles) – ใช้บวบทำเป็นเส้นแทนพาสต้า โดยใช้เครื่องทำเส้น หรือหั่นบวบเป็นเส้นบาง ๆ มีคาร์โบไฮเดรตต่ำและมีไฟเบอร์สูง
- หรือ: เส้นชิราทากิ (Shirataki Noodles) – เส้นที่ทำจากรากของพืชคอนยัค เป็นเส้นที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำและเกือบไม่มีแคลอรี
3. ขนมปัง (Bread)
- ทดแทนด้วย: ขนมปังอัลมอนด์ (Almond Flour Bread) – ทำจากแป้งอัลมอนด์แทนแป้งสาลี ซึ่งจะมีคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่า หรือใช้ขนมปังที่ทำจากเมล็ดแฟล็กซ์และเมล็ดเจีย
- หรือ: ขนมปังกะหล่ำดอก (Cauliflower Bread) – ใช้กะหล่ำดอกเป็นส่วนผสมหลัก ให้เนื้อสัมผัสที่คล้ายกับขนมปังปกติ แต่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ
4. มันฝรั่งทอด (French Fries)
- ทดแทนด้วย: มันหวานอบ (Baked Sweet Potato Fries) – แม้ว่าจะมีคาร์โบไฮเดรต แต่ก็มีปริมาณน้ำตาลต่ำกว่าและมีสารอาหารมากกว่า หรืออาจใช้ ผักหัวอื่นๆ เช่น หัวผักกาด (Turnip) แทน
- หรือ: ฟักทองอบ (Baked Pumpkin Fries) – ให้รสชาติที่แตกต่างเล็กน้อยแต่ยังคงความกรอบคล้ายกัน
5. แป้งพิซซ่า (Pizza Crust)
- ทดแทนด้วย: แป้งพิซซ่าดอกกะหล่ำ (Cauliflower Crust) – ใช้ดอกกะหล่ำบดผสมกับชีสและไข่ แล้วอบเป็นแป้งพิซซ่า มีคาร์โบไฮเดรตต่ำและเป็นทางเลือกที่นิยมในอาหารคีโต
6. มันบด (Mashed Potatoes)
- ทดแทนด้วย: มันบดดอกกะหล่ำ (Mashed Cauliflower) – ดอกกะหล่ำต้มและบดจะให้รสชาติและเนื้อสัมผัสคล้ายมันฝรั่งบด แต่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำกว่า
การทดแทนเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรต แต่ยังสามารถรับประทานอาหารที่มีรสชาติใกล้เคียงกับอาหารปกติได้
วางแผนมื้ออาหารและเตรียมอาหารล่วงหน้า
การวางแผนมื้ออาหารและการเตรียมอาหารล่วงหน้าสามารถช่วยให้คุณประหยัดเวลาและจัดการกับโภชนาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือขั้นตอนและเคล็ดลับในการทำสิ่งนี้ให้เป็นไปอย่างราบรื่น:
1. กำหนดเป้าหมายโภชนาการ
เริ่มต้นจากการกำหนดปริมาณแคลอรีที่คุณต้องการในแต่ละวัน (เช่น ผ่านการคำนวณ TDEE) และการแบ่งสัดส่วนสารอาหาร เช่น โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, และไขมัน โดยอ้างอิงจากเป้าหมายของคุณ เช่น การลดน้ำหนักหรือเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ
2. วางแผนมื้ออาหาร
- วางแผนมื้ออาหารรายสัปดาห์: จัดเตรียมเมนูอาหารสำหรับมื้อเช้า กลางวัน เย็น และของว่างเป็นรายสัปดาห์ ตัวอย่างเช่น:
- มื้อเช้า: ไข่ต้มกับผักขม
- มื้อกลางวัน: อกไก่ย่างกับข้าวดอกกะหล่ำและผักย่าง
- มื้อเย็น: สลัดปลาแซลมอนกับอะโวคาโด
- คำนึงถึงสมดุลสารอาหาร: ตรวจสอบว่าแต่ละมื้อมีสารอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะโปรตีนเพื่อช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ผักและผลไม้เพื่อรับไฟเบอร์ และไขมันที่ดีต่อสุขภาพจากแหล่งอย่างอะโวคาโดหรือถั่ว
3. การเตรียมอาหารล่วงหน้า (Meal Prep)
- ทำอาหารในปริมาณมาก: เลือกทำอาหารในปริมาณมากในแต่ละครั้ง เช่น ทำไก่ย่างหรือสตูว์ปลาแซลมอนล่วงหน้าเพื่อเก็บไว้รับประทานตลอดทั้งสัปดาห์
- แบ่งเป็นสัดส่วน: จัดแบ่งอาหารแต่ละมื้อไว้ในกล่องเก็บอาหาร เพื่อความสะดวกในการนำไปรับประทานในแต่ละวัน เช่น แบ่งไก่ย่าง ข้าวดอกกะหล่ำ และผักเป็นมื้อกลางวันสำหรับวันจันทร์ถึงศุกร์
- แช่แข็งอาหาร: อาหารที่คุณเตรียมมากเกินไปสามารถแช่แข็งได้ เช่น สตูว์หรือซุป เพื่อคงความสดและสามารถอุ่นใหม่ในภายหลัง
4. การเลือกวัตถุดิบที่เตรียมง่ายและเก็บได้นาน
- ผักและผลไม้ที่เก็บได้นาน: เช่น ผักโขม, บร็อคโคลี่, และแครอท สามารถแช่แข็งได้ ผักดองหรือผลไม้อบแห้งก็เป็นตัวเลือกที่ดี
- เนื้อสัตว์หรือโปรตีนสำเร็จรูป: เช่น อกไก่ต้ม, ไก่บด, หรือเต้าหู้ สามารถเตรียมไว้ในปริมาณมากและแช่เย็นไว้
- แหล่งไขมันที่ดีต่อสุขภาพ: อะโวคาโด, น้ำมันมะกอก, และถั่วเหลือง เป็นแหล่งไขมันที่มีประโยชน์และสามารถเก็บได้นาน
5. ใช้เครื่องมือช่วย
- อุปกรณ์ครัว: หม้อหุงข้าวอัตโนมัติ, หม้อหุงช้า (slow cooker), และเตาอบสามารถช่วยในการเตรียมอาหารในปริมาณมากในเวลาสั้น ๆ
- แอปวางแผนมื้ออาหาร: แอปพลิเคชันสำหรับการวางแผนมื้ออาหารสามารถช่วยในการติดตามแคลอรีและสารอาหาร เช่น MyFitnessPal หรือ Cronometer
6. ตัวอย่างแผนมื้ออาหารล่วงหน้า 3 วัน
-
วันจันทร์
- มื้อเช้า: ไข่คนกับผักขมและอโวคาโด
- มื้อกลางวัน: สลัดไก่กับผักสลัดและน้ำมันมะกอก
- มื้อเย็น: สเต็กปลาทูน่ากับผักย่าง
-
วันอังคาร
- มื้อเช้า: สมูทตี้โปรตีนกับผักโขมและเบอร์รี่
- มื้อกลางวัน: อกไก่ย่างกับบล็อกโคลี่นึ่งและถั่ว
- มื้อเย็น: ไก่ตุ๋นกับซุปผัก
-
วันพุธ
- มื้อเช้า: โยเกิร์ตไขมันต่ำกับกราโนล่า
- มื้อกลางวัน: สลัดกรีกกับเต้าหู้
- มื้อเย็น: ปลาแซลมอนอบกับผักย่าง
การวางแผนมื้ออาหารล่วงหน้าจะช่วยให้คุณควบคุมปริมาณอาหารและสารอาหารที่บริโภคได้อย่างแม่นยำ
พิจารณาการสลับการบริโภคคาร์โบไฮเดรต
การสลับการบริโภคคาร์โบไฮเดรต หรือที่เรียกว่า Carb Cycling เป็นกลยุทธ์การควบคุมอาหารที่มีการปรับปริมาณคาร์โบไฮเดรตในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์ โดยการสลับระหว่างวันที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงและต่ำ เป้าหมายของการทำ carb cycling คือการใช้ประโยชน์จากคาร์โบไฮเดรตในการเพิ่มพลังงานขณะออกกำลังกาย ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดการสะสมของไขมันในวันที่ลดคาร์โบไฮเดรต
หลักการทำ Carb Cycling
-
วันคาร์โบไฮเดรตสูง (High Carb Days): ในวันที่มีการออกกำลังกายหนัก เช่น การยกน้ำหนักหรือการฝึกที่ต้องใช้พลังงานมาก ร่างกายจะต้องการคาร์โบไฮเดรตเพื่อเติมเต็มกล้ามเนื้อและช่วยในการฟื้นฟู ทำให้สามารถบริโภคคาร์โบไฮเดรตมากขึ้นในวันเหล่านี้
-
วันคาร์โบไฮเดรตต่ำ (Low Carb Days): ในวันที่พักผ่อนหรือออกกำลังกายเบา การบริโภคคาร์โบไฮเดรตต่ำจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันสะสมเป็นพลังงาน และลดการสะสมของไขมันใหม่
-
วันคาร์โบไฮเดรตปานกลาง (Moderate Carb Days): เหมาะสำหรับวันที่มีการออกกำลังกายในระดับปานกลาง เช่น การคาร์ดิโอหรือการฝึกกล้ามเนื้อที่ไม่หนักมาก เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอ
ประโยชน์ของการสลับคาร์โบไฮเดรต
- ควบคุมน้ำหนัก: การบริโภคคาร์โบไฮเดรตที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญและลดไขมัน
- รักษามวลกล้ามเนื้อ: ช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวดีขึ้นในวันที่ทานคาร์โบไฮเดรตสูง
- เพิ่มพลังงาน: คาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่สูงจะช่วยเสริมพลังงานสำหรับการออกกำลังกายหนัก ๆ
ข้อควรระวัง
การทำ Carb Cycling อาจไม่เหมาะสมสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางประการ เช่น เบาหวาน หรือผู้ที่มีปัญหาในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ควรปรึกษานักโภชนาการหรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มโปรแกรมนี้
การวางแผน Carb Cycling ต้องคำนึงถึงประเภทและปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่บริโภคในแต่ละวัน และควรเลือกคาร์โบไฮเดรตที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ผัก และผลไม้
ตรวจสอบสุขภาพเป็นประจำ
สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารแบบคาร์โบไฮเดรตต่ำ (Low Carbohydrate Diet) การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายยังคงอยู่ในสภาพที่สมดุลและมีสุขภาพดี การตรวจเหล่านี้สามารถช่วยระบุความเสี่ยงทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางโภชนาการได้
การตรวจสุขภาพที่ควรทำเป็นประจำ
-
การตรวจระดับคอเลสเตอรอล
- อาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำอาจมีไขมันจากสัตว์สูง จึงควรตรวจระดับ คอเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol), LDL (ไขมันไม่ดี) และ HDL (ไขมันดี) อย่างสม่ำเสมอ การที่ไขมันชนิดดี HDL เพิ่มขึ้นถือว่าเป็นผลดีต่อสุขภาพหัวใจ แต่หาก LDL สูงมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
-
การตรวจระดับไตรกลีเซอไรด์
- คนที่ทานคาร์โบไฮเดรตต่ำมักพบว่า ระดับไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) ในเลือดลดลง ซึ่งถือเป็นผลดีต่อการลดความเสี่ยงโรคหัวใจ แต่ควรตรวจสอบเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่าค่าอยู่ในระดับปกติ
-
การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting Blood Glucose)
- อาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ควรตรวจเพื่อให้มั่นใจว่าระดับน้ำตาลในเลือดยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และไม่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำเกินไป (Hypoglycemia) โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคเบาหวานหรือความเสี่ยงด้านนี้
-
การตรวจระดับคีโตน (Ketone Levels)
- หากคุณรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก เช่น คีโตเจนิคไดเอท (Ketogenic Diet) คุณควรตรวจระดับคีโตนในเลือดหรือปัสสาวะเพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายอยู่ในภาวะคีโตซิส (Ketosis) ซึ่งเป็นเป้าหมายของการทานอาหารประเภทนี้อย่างปลอดภัย
-
การตรวจการทำงานของไตและตับ
- การทานอาหารที่มีโปรตีนสูงในช่วงการลดคาร์โบไฮเดรตอาจส่งผลต่อการทำงานของไตในระยะยาว การตรวจการทำงานของไตด้วยการตรวจ ระดับครีเอตินีน (Creatinine) และ BUN (Blood Urea Nitrogen) จึงจำเป็น
- นอกจากนี้ควรตรวจ การทำงานของตับ (Liver Function Tests) เพื่อตรวจสอบว่าระบบการย่อยและเผาผลาญไขมันทำงานได้อย่างปกติ
-
การวัดความดันโลหิต
- การลดคาร์โบไฮเดรตอาจช่วยลดความดันโลหิตในบางคนได้ แต่ควรวัดและตรวจเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่าระดับความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
-
การตรวจน้ำหนักและส่วนประกอบของร่างกาย (Body Composition)
- การตรวจวัด เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย และ มวลกล้ามเนื้อ จะช่วยประเมินผลกระทบของอาหารแบบคาร์โบไฮเดรตต่ำต่อองค์ประกอบของร่างกาย และช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในการควบคุมน้ำหนักและปรับปรุงสุขภาพ
ข้อควรระวัง
หากคุณรู้สึกมีอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อยล้ามากเกินไป เวียนศีรษะ หรือหิวบ่อยเกินไป ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อประเมินว่าการรับประทานอาหารแบบคาร์โบไฮเดรตต่ำยังคงเหมาะสมกับร่างกายของคุณหรือไม่
การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้คุณสามารถปรับตัว และเลือกแนวทางการรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการทางโภชนาการและสุขภาพของคุณได้
ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
ควรทราบถึงความเสี่ยงทางสุขภาพก่อนเริ่มต้นการรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ
ความเสี่ยงทางสุขภาพระยะสั้นจากการรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำอาจรวมถึง:
- ตะคริว
- ท้องผูก
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- คอเลสเตอรอลสูง
- ปวดหัว
- สมองมึนงง
- พลังงานลดลง
- คลื่นไส้
- มีกลิ่นปาก
- ผื่น
- ประสิทธิภาพการออกกำลังกายลดลง
เคล็ดลับการทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ
หลายคนพบว่าการเริ่มต้นการรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำเป็นเรื่องท้าทาย เคล็ดลับเหล่านี้อาจช่วยให้พวกเขาปฏิบัติตามอาหารนี้ได้สำเร็จและช่วยลดน้ำหนักได้:
เรียนรู้เกี่ยวกับประเภทของคาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรตมีหลายรูปแบบ คาร์โบไฮเดรตง่ายเป็นน้ำตาลที่ย่อยได้ง่าย คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการปรับปรุง เช่น น้ำตาลขาวและแป้งขาว เป็นคาร์โบไฮเดรตแบบง่าย คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนใช้เวลาย่อยนานกว่า เนื่องจากต้องถูกย่อยให้เป็นรูปแบบที่ง่ายขึ้น พบในอาหารที่มีสารอาหารมากกว่า เช่น ถั่ว ธัญพืชเต็มเมล็ด และผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เช่น กล้วย
คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนยังมีประโยชน์ในการทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ซึ่งอาจช่วยป้องกันการรับประทานอาหารมากเกินไป และยังทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ช่วยหลีกเลี่ยงการทานของว่างระหว่างมื้ออาหาร
หาอาหารทดแทน
การแทนที่อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงด้วยอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำหรือน้อย สามารถช่วยลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตได้ ตัวอย่างของการทดแทนคาร์โบไฮเดรตต่ำ เช่น:
- ใช้ใบผักกาดแทนเปลือกทาโก้
- ใช้บวบที่หั่นเป็นเส้นแทนสปาเกตตี
- ข้าวดอกกะหล่ำแทนข้าว
รู้ปริมาณคาร์โบไฮเดรตและขนาดเสิร์ฟของอาหาร
เมื่อรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ ควรเลือกอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ตัวอย่างปริมาณอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรตประมาณ 15 กรัม ได้แก่:
- ขนมปังลดแคลอรี 2 แผ่น
- 1/4 ของเบเกิลใหญ่
- แผ่นตอติญา 6 นิ้ว
- ข้าวโอ๊ตครึ่งถ้วย
- มันอบ 3 ออนซ์
- ฟักทอง 1 ถ้วย
- มันฝรั่งทอดตอติญา 1 ออนซ์
- ถั่วดำ ถั่วแดง หรือถั่วการ์บันโซครึ่งถ้วย
- แอปเปิลเล็ก 1 ผล (4 ออนซ์)
- เมลอนหั่นเต๋า 1 ถ้วย
- นม 1 ถ้วย
- โยเกิร์ต 6 ออนซ์
แม้ว่าอาหารข้างต้นจะมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ใกล้เคียงกัน แต่คุณค่าทางโภชนาการอาจแตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์นมมีโปรตีนและสารอาหารสำคัญ เช่น วิตามินดีและแคลเซียม ในขณะที่ผลไม้และผักมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น การเลือกขนมปังและข้าวที่ทำจากธัญพืชเต็มเมล็ดจะให้สารอาหารมากกว่าแบบขาว แม้คาร์โบไฮเดรตจะคล้ายกัน
วางแผนมื้ออาหาร
การวางแผนมื้ออาหารล่วงหน้าช่วยให้ปฏิบัติตามอาหารได้ง่ายขึ้น เช่น การวางแผนมื้ออาหารตลอดสัปดาห์ก่อนซื้อของ ทำให้สามารถเตรียมอาหารตามแผนได้
เตรียมอาหารล่วงหน้า
นอกจากการวางแผนแล้ว การเตรียมอาหารล่วงหน้ายังช่วยให้มีอาหารพร้อมในช่วงเวลายุ่งและช่วยหลีกเลี่ยงการเลือกอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
อาหารที่สามารถเตรียมล่วงหน้าได้ เช่น:
พกของว่างคาร์โบไฮเดรตต่ำ
ของว่างคาร์โบไฮเดรตต่ำที่สามารถรับประทานระหว่างมื้ออาหาร ได้แก่:
- ไข่ต้ม
- โยเกิร์ตที่ไม่หวาน
- ผักสด
- ถั่ว
- ชีส
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว