การติดน้ำตาล: อาการ สาเหตุ และการรักษา

ติดน้ำตาล

น้ำตาลเป็นส่วนประกอบทั่วไปในอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด และยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ สำหรับบางคน น้ำตาลสามารถเสพติดได้ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาสุขภาพหลายอย่าง

การติดน้ำตาลคืออะไร?

การติดน้ำตาลเป็นภาวะที่คนมีความอยากน้ำตาลอย่างรุนแรงและมีอาการขาดน้ำตาลเมื่อไม่ได้รับน้ำตาล ผู้ที่ติดน้ำตาลอาจกินอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปริมาณมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่หิวก็ตาม พวกเขาอาจมีปัญหาในการควบคุมปริมาณน้ำตาล



อาการติดน้ำตาล

อาการของการติดน้ำตาลอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่อาการทั่วไปบางอย่าง ได้แก่ :


ติดหวาน

สาเหตุของการติดน้ำตาล

สาเหตุของการติดน้ำตาลยังไม่เป็นที่เข้าใจอย่างสมบูรณ์ แต่มีปัจจัยหลายประการที่อาจมีส่วนทำให้เกิดอาการติดน้ำตาล เหล่านี้รวมถึง:

ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม การติดน้ำตาลอาจเป็นภาวะที่ยากจะเอาชนะได้ อาการอาการขาดน้ำตาลจะมีอาการปวดหัว เหนื่อยล้า วิตกกังวล และหงุดหงิดง่าย ในบางกรณี ผู้ที่ติดน้ำตาลอาจรู้สึกอยากน้ำตาลทางร่างกายที่คล้ายกับความอยากที่ผู้ติดยาประสบ

ผลกระทบต่อสุขภาพของการติดน้ำตาล

การติดน้ำตาลอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายประการ ได้แก่ :



การบำบัดการติดน้ำตาล

ไม่มีการรักษาใดที่เหมาะกับทุกคนสำหรับการติดน้ำตาล แต่มีหลายสิ่งที่สามารถช่วยได้ เหล่านี้รวมถึง:

เคล็ดลับในการเลิกเสพติดน้ำตาลมีดังนี้

การพยายามลดปริมาณน้ำตาล หรืออาหารจำพวกแป้งเป็นสิ่งหนึ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของคุณในวันนี้

ป้องกันการติดน้ำตาล

มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันการติดน้ำตาล ได้แก่ :

ทำไมการติดน้ำตาลถึงเป็นปัญหา?

โครงการเด็กไทยไม่กินหวาน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ติดตามสถานการณ์การบริโภคน้ำตาลของคนไทยในระดับประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก โดยดูจากรายการอาหารที่เลือกรับประทานในแต่ละวัน

รายงานการวิจัยที่พบว่า กว่า 30 ที่ผ่านมา คนไทยบริโภคน้ำตาลเพิ่มเป็น 3 เท่า และจากการเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และ สิงคโปร์ ประเทศไทยเป็นผู้บริโภคน้ำตาลสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง นอกจากโรคอ้วนแล้ว น้ำตาลยังเป็นสาเหตุที่สำคัญของการเกิดโรคหัวใจ เช่น หัวใจวายมากขึ้นด้วย

การลดการบริโภคน้ำตาล อาจเริ่มจากลดการเติมน้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่มลง ใช้สูตรหวานน้อยจากปกติ และค่อย ๆ ลดลงอีกในวันต่อมา ลดการดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน และน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง เลือกรับประทานผลไม้สดโดยไม่ต้องจิ้มเกลือน้ำตาล อาจเลือกใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลเป็นบางครั้งคราว และเพิ่มการออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้เกิดการเผาผลาญน้ำตาลส่วนเกิน ไม่ให้มีการเปลี่ยนรูปเป็นไขมันสะสมอยู่ในร่างกาย 

ผลการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มหวานจากผลการวิจัยบนถนนสายเศรษฐกิจ จากการสำรวจปริมาณน้ำตาลของร้านขายเครื่องดื่มบริเวณมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตพญาไท ถนนราชวิถี รอบบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และถนนสีลม เปรียบเทียบปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม 1 แก้ว ปริมาณ 250 มล. จากตัวอย่างร้านค้า 62 ร้านค้า โดยเก็บตัวอย่างเมนูยอดนิยม 1 ใน 5 อันดับ และเครื่องดื่มที่มาจากร้านที่ให้ความร่วมมือในการวิจัย รวม 270 ตัวอย่าง ผลการสำรวจพบว่า เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ

ปัจจุบันมีเครื่องดื่มรสหวานในท้องตลาดหลายชนิดที่ได้รับความนิยม เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มชาเขียว น้ำสมุนไพร น้ำผลไม้พร้อมดื่ม และเครื่องดื่มกาแฟสด ซึ่งเครื่องดื่มรสหวานเหล่านี้จะมีส่วนประกอบของน้ำตาลมากเกินปริมาณที่แนะนำต่อวัน คือ ไม่เกิน 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชา

การที่เราไม่ได้เติมน้ำตาลเป็นช้อนๆ ใส่จานอาหารหรือเครื่องดื่มแก้วโปรดของเรา ไม่ได้แปลว่า ไม่มีน้ำตาลแฝงในนั้นเลย แปลกใจไหมคะ ว่าน้ำตาลเหล่านี้มาจากไหนบ้าง 
ปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม (ปริมาณอ้างอิง 200 มิลลิลิตร)

ชนิดของเครื่องดื่ม ปริมาณน้ำตาล (ต่ำสุด) ปริมาณน้ำตาล (สูงสุด)
นมและผลิตภัณฑ์นม 6 กรัม 31 กรัม
นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม (150 ml) 4 กรัม 27 กรัม
น้ำผลไม้พร้อมดื่ม 4 กรัม 50 กรัม
ชาพร้อมดื่ม 0 กรัม 39 กรัม
เครื่องดื่มสมุนไพรพร้อมดื่ม 8 กรัม 36 กรัม
เครื่องดื่มเกลือแร่ 11 กรัม 24 กรัม
น้ำอัดลม 0 กรัม 31 กรัม


จากตารางจะเห็นได้ว่า ปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม 200 ml (นมเปรี้ยว 150 ml) มีตั้งแต่ 0 กรัมไปจนถึง 50 กรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณน้ำตาลที่แนะนำ!!! (24 กรัมต่อวัน)

การติดน้ำตาลหรือติดรสหวานนั้น มาจากนิสัยการกินตั้งแต่วัยเด็ก พบว่าเด็กที่ถูกพ่อแม่เลี้ยงด้วยนมรสหวาน ดื่มน้ำหวาน และกินขนมหวานปริมาณมากโดยที่ไม่มีการควบคุม จะคุ้นเคยกับรสชาติหวาน และมีแนวโน้มที่จะกินน้ำตาลหรือของหวานเพิ่มมากขึ้นเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ลักษณะของคนติดหวานจะมีความต้องการอยากกินของหวานอยู่เสมอ ช่วงที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือไม่ได้รับน้ำตาล อาจเกิดอาการซึมเศร้า อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย และขาดสมาธิ

กองโภชนาการ กรมอนามัย มีข้อแนะนำในการลดการกินหวานว่า

 

ปริมาณน้ำตาลผลิตภัณฑ์ในเครื่องดื่มทั่วไป

เครื่องดื่ม

ผลิตภัณฑ์

ที่สุ่มเก็บตัวอย่าง

ปริมาณน้ำตาล

ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค (กรัม)

จำนวนช้อนชา

โดยประมาณ*

น้ำเปล่า น้ำเปล่า 0 0
น้ำอัดลม: น้ำหวานอัดก๊าซ
น้ำหวานอัดก๊าซสูตรไม่มีน้ำตาล
30 กรัม
0
7 ½ ช้อนชา
0
น้ำผลไม้/ เครื่องดื่มจากพืช ผัก รวมทั้งนมถั่วเหลือง น้ำผลไม้พร้อมดื่ม
น้ำผักพร้อมดื่ม
นมถั่วเหลืองพร้อมดื่ม
เครื่องดื่มสมุนไพรพร้อมดื่ม เช่น ขิง หล่อฮั้งก้วย เก๊กฮวย
25 กรัม
23 กรัม
16 กรัม
24 กรัม
6 ¼ ช้อนชา
5 ¾ ช้อนชา
4 ช้อนชา
6 ช้อนชา
เครื่องดื่มชูกำลังที่มีน้ำตาลและคาเฟอีน พร้อมดื่ม 24 กรัม 6 ช้อนชา
ชา กาแฟ ชาพร้อมดื่ม
ชาสำเร็จรูปชนิดผง
กาแฟพร้อมดื่ม
กาแฟสำเร็จรูปชนิดผง
24 กรัม
14 กรัม
16 กรัม
14 กรัม
6 ช้อนชา
3 ½ ช้อนชา
4 ช้อนชา
3 ½ ช้อนชา
นม นมสด 10 กรัม 2 ½ ช้อนชา
นมเปรี้ยว/ โยเกิร์ต นมเปรี้ยว
นมเปรี้ยวปรุงแต่ง
โยเกิร์ต
โยเกิร์ตปรุงแต่ง
15 กรัม
19 กรัม
11 กรัม
16 กรัม
3 3/4 ช้อนชา
4 3/4 ช้อนชา
2 3/4 ช้อนชา
4 ช้อนชา

องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดการบริโภคน้ำตาลไว้ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา อีกทั้งยังควรควบคุมสารอาหารประเภทแป้ง โซเดียม ไขมัน และแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้หากรับประทานมากเกินไปก็ก่อให้เกิดโรคได้เช่นกัน หากรู้สึกว่าตนเองเครียด กรุณาแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ควรนอนหลับพักผ่อน วางแผนการทำงานให้ดีขึ้น หรือไปออกกำลังกายจะทำให้สุขภาพดีกว่า

การติดน้ำตาลหมายถึงการมีความอยากอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงและมักจะควบคุมไม่ได้ สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่า แม้ว่าน้ำตาลในปริมาณที่พอเหมาะ จะทำให้เพลิดเพลินแต่การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

นี่คือประเด็นสำคัญบางประการเกี่ยวกับการติดน้ำตาล:

  1. การตอบสนองทางสรีรวิทยา: การบริโภคน้ำตาลกระตุ้นระบบการให้รางวัลของสมอง ปล่อยสารโดปามีนและสร้างความรู้สึกพึงพอใจ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ความอยากและความต้องการน้ำตาลมากขึ้น
  2. น้ำตาลกับสมอง: เมื่อเวลาผ่านไป การบริโภคน้ำตาลซ้ำๆ อาจนำไปสู่การทนต่อน้ำตาลทำให้ต้องได้รับน้ำตาลในปริมาณที่มากขึ้นเพื่อให้ได้ระดับความสุขเท่าเดิม สิ่งนี้สามารถนำไปสู่วงจรของการบริโภคน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น
  3. น้ำตาลและอารมณ์: น้ำตาลอาจมีผลต่อการเพิ่มอารมณ์ชั่วคราวเนื่องจากการปลดปล่อยโดปามีน อย่างไรก็ตาม การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปอาจทำให้อารมณ์แปรปรวน เหนื่อยล้า และหงุดหงิดง่าย
  4. น้ำตาลและพลังงานขัดข้อง: การบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยน้ำตาลลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยล้า พลังงานต่ำ และความอยากน้ำตาลมากขึ้น
  5. ผลกระทบต่อสุขภาพ: การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพหลายประการ รวมถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น โรคอ้วน เบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ และปัญหาเกี่ยวกับฟัน การบริโภคน้ำตาลสูงอาจทำให้เกิดการอักเสบและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งบางชนิด
  6. แหล่งน้ำตาลที่เห็นและที่เติม: น้ำตาลสามารถพบได้ในอาหารแปรรูปและอาหารบรรจุหีบห่อจำนวนมาก ซึ่งมักอยู่ในรูปแบบที่ซ่อนอยู่ อาหารอย่างโซดา ลูกอม ขนมอบ อาหารเช้าซีเรียล ซอส และน้ำสลัดอาจมีน้ำตาลเพิ่มจำนวนมาก
  7. การเลิกเสพติด: การเลิกเสพติดน้ำตาลอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ก็เป็นไปได้ กลยุทธ์ต่างๆ ได้แก่ ค่อยๆ ลดการบริโภคน้ำตาล ระบุและหลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้น แทนที่ขนมขบเคี้ยวที่มีน้ำตาลด้วยตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และแสวงหาการสนับสนุนจากบุคลากรทางการแพทย์หรือกลุ่มสนับสนุน
  8. วิธีการที่สมดุล: แทนที่จะกำจัดน้ำตาลให้หมดไป การมุ่งเน้นไปที่วิธีการรับประทานอาหารที่สมดุลและมีสติมักจะยั่งยืนกว่า ซึ่งรวมถึงการเลือกอาหารทั้งเมล็ด รวมถึงผลไม้ ผัก โปรตีนไม่ติดมัน และธัญพืชเต็มเมล็ด ในขณะที่จำกัดน้ำตาลและอาหารแปรรูปที่เพิ่มเข้ามา

จำไว้ว่าความสัมพันธ์ของทุกคนกับน้ำตาลนั้นแตกต่างกัน และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาวิธีที่เหมาะกับคุณที่สุด หากคุณรู้สึกว่าการบริโภคน้ำตาลของคุณอยู่นอกเหนือการควบคุมหรือส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณ ให้ลองปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหรือนักโภชนาการที่ขึ้นทะเบียนเพื่อขอคำแนะนำและการสนับสนุนเฉพาะบุคคล

หากคุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนติดน้ำตาลและต้องการลดปริมาณน้ำตาล ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่อาจช่วยได้:

จำไว้ว่าการเลิกเสพติดต้องใช้เวลาและความพยายาม อดทนกับตัวเองและเฉลิมฉลองชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างทาง
แน่นอน นี่คือบทความที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับชื่อ "คนติดน้ำตาล":

บทสรุป

การติดน้ำตาลเป็นปัญหาจริงและร้ายแรงที่อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของคุณ หากคุณคิดว่าตัวเองอาจติดน้ำตาล มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อเลิกนิสัยนี้ ด้วยการทำงานหนักและความทุ่มเท คุณสามารถเอาชนะการเสพติดน้ำตาลและปรับปรุงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคุณ

 

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

Google
 

เพิ่มเพื่อน