ฝ้า
สาเหตุฝ้า | ชนิดของฝ้า | ปัจจัยหลักของการทำให้เกิดฝ้า | การรักษาฝ้า
จุดด่างดำ กระ ฝ้าแดด ภาวะไฮเปอร์พิกเมนเทชั่นหรือภาวะที่มีปริมาณเม็ดสีเข้มมากผิดปกติที่เกิดขึ้นทั้งบนใบหน้า มือ หรือจุดอื่นๆ ที่มองเห็นได้ง่ายบนร่างกายสามารถทำให้ผิวขาดความกระจ่างใสและยากต่อการปกปิด
ฝ้าเป็นภาวะที่ผิวหนังสร้างเม็ดสี melanin pigment เพิ่มขึ้นทำให้สีผิวเข้มขึ้นทำให้บริเวณดังกล่าวมีผื่นสีออกน้ำตาล มักจะพบบริเวณที่สัมผัสแสงแดด เช่น โหนกแก้ม จมูก หน้าผาก คาง มักจะพบในคนท้อง คนที่รับประทานยาคุมกำเนิด ผู้ชายก็สามารถเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน สำหรับคนท้องเมื่อคลอดบุตรผื่นก็จะหายไป
จุดด่างดำ กระ ฝ้าแดด ภาวะที่เรียกว่าไฮเปอร์พิกเมนเทชั่น Hyperpigmentation เกิดขึ้นเมื่อร่างกายผลิตเม็ดสีหรือเมลานินมากเกินในในบางบริเวณของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นๆ เกิดเป็นจุดด่างดำขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไปจุดด่างดำ กระ ฝ้าแดด ที่เกิดขึ้นบนผิวหน้าทำให้ผิวแลดูหมองคล้ำไม่กระจ่างใส
สาเหตุฝ้า
- เป็นผลจากฮอร์โมน เช่นพบในคนตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมกำเนิด ยากันชัก
- การแพ้ยา
- เกิดจากการตากแดด
ชนิดของฝ้า
ฝ้ามี 3 ชนิดโดยแบ่งตามความลึกของ melanin ที่ไปฝังตัว
- เม็ดสี melanin ไปฝังตัวที่หนังกำพร้าเราเรียก Epidermal type melasma ชนิดนี้รักษาไม่ยาก
- เม็ดสีฝังตัวที่หนังแท้เราเรียก dermal type melasma ชนิดนี้ดื้อต่อการรักษา
- ชนิดผสม 2 แบบดังกล่าว
การแยกชนิดของฝ้าทำได้โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Wood's lamp
ปัจจัยหลักของการทำให้เกิดฝ้า จุดด่างดำ
แสงแดด
แสงแดดทำให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินและเป็นสาเหตุหลักของการเกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระ แสงแดด ศัตรูหมายเลขหนึ่งของสาวๆ แสงแดดเป็นตัวกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินในผิว เมลานินทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันแดดตามธรรมชาติของผิวและปกป้องผิวจากรังสียูวี ดังนั้นเมื่อเราตากแดดผิวจึงกลายเป็นสีคล้ำเนื่องจากร่างกายผลิตเมลานินเพิ่มขึ้นกว่าปกตินั่นเอง แต่ถ้าหากเราเจอแดดมากเกินไป กระบวนการนี้อาจนำไปสู่ภาวะไฮเปอร์พิกเมนเทชั่น ทำให้เกิดเป็นจุดด่างดำ ฝ้าแดด และกระตามมา ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส กลายเป็นปัญหาหนักใจของสาวๆ ฉะนั้นการจำกัดเวลาในการอยู่กลางแดด สวมเสื้อผ้าปกป้องผิว และใช้ครีมกันแดดที่มีค่าปกป้องสูง สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดจุดด่างดำได้ การปกป้องผิวจากแสงแดดจะช่วยลดการเกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระบนผิวหนังได้
ภาวะทางฮอร์โมน
เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้ากระ โดยเฉพาะในเพศหญิง เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้นเมื่อผิวโดนแสงแดดฝ้า มักเกิดขึ้นเพราะฮอร์โมนเพศหญิงและมักเกิดขึ้นในผู้หญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะคนที่มีผิวเข้มอยู่แล้ว
ภาวะอื่นๆ
ภาวะไฮเปอร์พิกเมนเทชั่นอาจเป็นผลกระทบจากโรคอื่นๆ หรือแม้แต่การขาดวิตามิน นอกจากนั้นอาจเกิดขึ้นได้ในผู้ที่ได้รับการบำบัดทางฮอร์โมน การบำบัดเคมี หรือการใช้ยาประเภทอื่นๆ
การรักษาฝ้า
ในรายที่เป็นไม่มาก สีของฝ้าจางๆแนะนำให้ใช้เครื่องสำอางทาทับ ส่วนในรายที่เป็นมากอาจจะต้องใช้การรักษาหลายวิธี
- การทายาหรือครีมกันแสงแดด
- การใช้ยาทา steroid
- การใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของวิตามิน เอ(Topical retinoids) ยานี้ลอกฝ้าได้ไม่ดี การออกฤทธิ์ของยาจะเร่งการเจริญของผิวหนังหากใช้ร่วมกับ hydroquinone จะลอกฝ้าได้ดีขึ้น
- การใช้ยาพอกหน้าขาวกลุ่ม hydroquinone เป็นยาที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย ยานี้จะทำให้เซลล์ไม่สร้าง melanine ความแรงของยาขึ้นกับความเข้มข้นของยา ยาที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า 2% ไม่เป็นอันตรายอาจจะใช้ในการรักษาหลังจากผื่นฝ้าจางลงแล้ว ความเข้มของยา 5-10%จะระคายเคืองต่อผิวหนังมากการใช้ยาที่มีความเข้มข้นด้วยตัวเองอาจจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังการผสมกับยา retinoids และ AHA จะทำให้ลอกฝ้าได้ดีขึ้นแต่ก็จะระคายเคืองต่อผิวหนังมากขึ้น
- การใช้ Kojic acid สารนี้ได้จากถั่วเหลืองหรือเห็ด เชื่อว่าจะลดการสร้างเม็ดสี
- การใช้ Azeleic acid สารนี้ได้จากการหมักข้าวสาลี ข้าวบารเลย์ ยานี้จะลดการสร้างเม็ดสี แต่ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นผล
- การขัดผิวหน้า เช่น การใช้ Laser การขัดผิว
- การใช้สารเคมีลอกหน้า
- การใช้หลายวิธีผสมกัน
มีผู้แนะนำเรื่องอาหารซึ่งสามารถที่จะทำใหฝ้าลดลง
- ให้รับประทานโปรตีนที่มีฤทธิ์ป้องกันการอักเสบ ผู้เขียนแนะนำให้รับประทานปลา salmon เนื่องจากอุดมไปด้วย omega 3 และสารอาหารที่มีประโยชน์กับผิวหนังซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยให้รับประทานวันละ 2 มื้อเป็นเวลา 3 วัน
- รับประทานผักใบเขียวและน้ำมันมะกอก เพราะผักใบเขียวจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมาก น้ำมันมะกอกมีสาร polyphenols และสารต้านอนุมูลอิสระ
- ให้ดื่มน้ำมากๆประมาน 10 แก้วต่อวันไม่นับรวมน้ำอัดลมและกาแฟ
อันตรายของครีมหน้าขาว ที่ผสมไฮโดรควิโนน