เมาค้าง


หลายท่านหลังจากดื่มสุราตอนกลางคืน และตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยอาการเมาค้าง โดยมีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง กระหายน้ำ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ ปวดท้อง เวียนหัว กังวล หงุดหงิดง่าย เหงื่อออก และความดันขึ้นกลุ่มอาการเหล่านี้เรียกว่าเมาค้างอาการจัดเป็นมากน้อยขึ้นแต่ละบุคคล


เมาค้าง

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเมาค้าง

มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการเมาค้างได้:

  • ภาวะขาดน้ำเล็กน้อย: แอลกอฮอล์ไปยับยั้งการหลั่งของวาโซเพรสซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตโดยสมองซึ่งส่งสัญญาณไปยังไตทำให้ไตกักเก็บของเหลวไว้ เป็นผลให้แอลกอฮอล์เพิ่มการถ่ายปัสสาวะและการสูญเสียของเหลวมากเกินไป ภาวะขาดน้ำเล็กน้อยซึ่งส่งผลให้เกิดอาการเมาค้าง เช่น กระหายน้ำ เหนื่อยล้า และปวดหัว

  • รบกวนการนอนหลับ: ผู้คนอาจผล็อยหลับเร็วขึ้นหลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่การนอนหลับของพวกเขาจะนอนหลับไม่สนิท และพวกเขามักจะตื่นเร็วขึ้น สิ่งนี้มีส่วนทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและสูญเสียผลผลิต

  • ระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร: แอลกอฮอล์ระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะอาหารโดยตรง และเพิ่มการหลั่งกรด นี้อาจนำไปสู่อาการคลื่นไส้และไม่สบายท้อง

  • การอักเสบ: แอลกอฮอล์เพิ่มการอักเสบในร่างกาย การอักเสบมีส่วนทำให้เกิดอาการไม่สบายที่ผู้คนรู้สึกเมื่อป่วย ดังนั้นจึงอาจมีบทบาทในอาการเมาค้างเช่นกัน

  • การสัมผัส acetadehyde อะซีตัลดีไฮด์: ในกระบวนการสลายแอลกอฮอล์ที่ตับจะได้สารนี้ซึ่งสารนี้จะมีพิษต่อร่างกายเกิดการอักเสบของตับ ตับอ่อนสมอง ทางเดินอาหารและอวัยวะอื่น

  • อาการเนื่องจากการขาดสุรา เนื่องจากดื่มเป็นปริมาณมาก ในตอนเช้าแอลกอฮอล์ในเลือดลดลงจึงทำให้เกิดอาการเหมือนกับการขาดสุราอย่างอ่อนซึ่งจะทำให้เกิดอาการหงุดหงิด กระสับกระส่าย

  • สารเคมีอื่นที่เกิดขึ้นระหว่างการหมักสุราเช่นเหล้าเบอร์เบิ้นจะมีสารอาหารเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการเมาค้าง
  • สารซัลไฟต์ที่ใส่เข้าไปในสุรา

เนื่องจากแต่ละคนมีความแตกต่างกันมาก เป็นการยากที่จะคาดเดาว่าเครื่องดื่มจะทำให้เกิดอาการเมาค้างมากแค่ไหน ทุกครั้งที่คนดื่มจนมึนเมา มีโอกาสที่พวกเขาจะเมาค้างในวันรุ่งขึ้น

อาการของการเมาค้าง

อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ปวดศีรษะ
  • ปากแห้ง
  • รู้สึกเหนื่อย
  • ปวดท้อง
  • หงุดหงิด
  • ไวต่อแสงและเสียง
  • มีปัญหาในการนอนหลับ
  • เวียนศีรษะ หรือรู้สึกเหมือนห้องหมุน

อาการเมาค้างเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่และนานแค่ไหน?

อาการเมาค้างจะสูงสุดเมื่อความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเลือดในร่างกายกลับมาเป็นศูนย์ อาการสามารถอยู่ได้นาน 24 ชั่วโมงหรือนานกว่านั้น

ปัจจัยที่ทำให้เกิดเมาค้าง

คุณต้องดื่มมากแค่ไหน

เชื่อหรือไม่ว่าจำนวนเครื่องดื่มที่คุณดื่มไม่ปรากฏมีนัยสำคัญว่าอาการเมาค้างจะคงอยู่นานแค่ไหน จากการศึกษาในปี 2560พบว่าปริมาณเครื่องดื่มไม่มีความสัมพันธ์กับระยะเวลาเมาค้าง

อย่างไรก็ตาม การดื่มมากขึ้นมักจะทำให้อาการเมาค้างรุนแรงขึ้น และอาการเมาค้างที่รุนแรงมักจะยาวนานกว่า

คุณนอนหลับได้มากแค่ไหน

มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่าการนอนหลับที่ลดลงหลังจากดื่มเหล้าทำให้เมาค้างรุนแรงขึ้น

แอลกอฮอล์ส่งผลต่อการนอนหลับไม่ใช่ในทางที่ดี อาจช่วยให้คุณหลับเร็วขึ้น แต่การนอนหลับมักจะกระจัดกระจายและสั้นลง

ยิ่งคุณนอนหลับได้น้อยลงหลังจากดื่มเหล้า คุณจะรู้สึกแย่มากขึ้นเท่านั้น

การดื่มในขณะท้องว่าง

การดื่มในขณะท้องว่างไม่ใช่เรื่องดีด้วยเหตุผลหลายประการ

  • ประการแรกมันทำให้คุณมึนเมาเร็วขึ้นนอกจากนี้ อาการเมาค้างมักจะรุนแรงมากขึ้นหลังจากดื่มในขณะท้องว่าง
  • แอลกอฮอล์ยังทำให้เยื่อบุกระเพาะระคายเคืองอีกด้วย หากคุณไม่ได้รับประทานอาหาร คุณมีแนวโน้มที่จะมีอาการปวดท้องและอาเจียนหลังดื่มมากขึ้น

ร่างกายคุณขาดน้ำ

แอลกอฮอล์มีผลขับปัสสาวะที่ทำให้คุณปัสสาวะมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ภาวะขาดน้ำหากคุณไม่ได้ดื่มน้ำด้วย หากคุณดื่มแอลกอฮอล์มากจนอาเจียน แสดงว่าสูญเสียของเหลวมากขึ้นไปอีก

ภาวะขาดน้ำเล็กน้อยสามารถทำให้คุณปวดหัว ปากแห้ง และทำให้คุณเวียนหัวและเหนื่อย - อาการทั่วไปทั้งหมดของการเมาค้าง

ยิ่งคุณขาดน้ำมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งรู้สึกแย่ลงเท่านั้น และนานขึ้น

โรคประจำตัว

โรคประจำตัวอาจจะทำให้การเผาผลาญแอลกอฮอล์หรือที่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ อาจส่งผลต่อความรุนแรงและระยะเวลาของอาการเมาค้าง

ตัวอย่างเช่น โรคไตและตับ รวมทั้งโรคเบาหวาน ไมเกรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการปวดศีรษะจากอาการเมาค้าง เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้นการโจมตีไมเกรนที่พบบ่อย

ยา

ยาบางชนิดรบกวนความสามารถของร่างกายในการเผาผลาญแอลกอฮอล์อย่างเหมาะสม เป็นผลให้คุณมีแนวโน้มที่จะอาเจียนและมีอาการเมาค้างเป็นเวลานาน

ยาทั่วไปบางตัวที่ส่งผลต่อวิธีที่ร่างกายของคุณดำเนินการกับแอลกอฮอล์ ได้แก่

  • ยากล่อมประสาท
  • ยาลดความวิตกกังวล
  • ยาแก้แพ้
  • ยาปฏิชีวนะ

ตรวจสอบกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพหรือเภสัชกรของคุณเสมอก่อนดื่มหากคุณใช้ยาใดๆ

อายุของคุณ

เมื่อเรามีอายุมากขึ้น ความสามารถของร่างกายในการขับสารพิษจะช้าลง ด้วยเหตุนี้ คุณจะมีอาการเมาค้างนานกว่าปกติ

อาการเมาค้างเป็นอันตรายหรือเพียงแค่เจ็บปวด?

อาการเมาค้างอาจเป็นได้ทั้งความเจ็บปวดและอันตราย ระหว่างอาการเมาค้าง ความสนใจ การตัดสินใจ และการประสานงานของกล้ามเนื้อของบุคคลอาจบกพร่องได้ นอกจากนี้ ความสามารถในการปฏิบัติงานที่สำคัญ เช่น การขับขี่ การใช้เครื่องจักร หรือการดูแลผู้อื่น อาจได้รับผลกระทบในทางลบ

เชื่อผิดๆ เกี่ยวกับอาการเมาค้าง

ในช่วงเกิดเมาค้างคนไม่ควรทำงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทักษะ การใช้สมาธิเช่นขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักรเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องเมาค้าง

  • เชื่อว่าการดื่มกาแฟหรือการไปอาบน้ำจะป้องกันหรือรักษาอาการเมาค้าง ข้อเท็จจริงและป้องกันเมาค้างก็คือการไม่ดื่มสุราหรือดื่มให้น้อยที่สุดขณะนี้ยังไม่มีการวิธีการรักษาเมาค้าง
  • ความเชื่อว่าได้ดื่มเบียร์ก่อนดื่มสุราจะไมทำให้เกิดเมาค้าง ข้อเท็จจริงยิ่งดื่มสุรามากเท่าไหร่ก็จะทำให้เกิดอาการเมาค้างเป็นมากขึ้นเท่านั้น
  • ความเชื่อที่ว่าถ้าเมื่อคืนเราดื่มสุราเยอะตอนเช้าต้องดื่มสุราเพื่อถอน การดื่มแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อยในตอนเช้าจะทำให้อาการเมาค้างยาวนานขึ้นโดยป้องกันไม่ให้ร่างกายฟื้นตัว หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังจากดื่มหนัก

การรักษาโรคเมาค้าง

เมาค้างจะหายไปได้เองโดยที่ต้องให้เวลากับร่างกายในการกำจัดสารที่เป็นพิษ การปรับตัวของร่างกาย การปรับตัวเกี่ยวกับน้ำและเกลือแร่ การปรับตัวของภูมิของร่างกาย และสมองกลับมาปกติลักษณะนี้ยังไม่มีวิธีการที่จะทำให้ร่างกายหายเร็วหายเร็วขึ้นจากการเมาค้าง

เมื่อเกิดอาการเมาค้างจะไม่มีวิธีแก้ไข แต่เราสามารถลดความรุนแรงของอาการเมาค้างได้ด้วยวิธี

  1. การดื่มกาแฟในตอนเช้าไม่ได้ทำให้อาการเมาค้างหายไป
  2. กับสุราอาจจะมีพิษต่อตับต้องให้ระวังเรื่องปรับเป็นอย่างนี้
  3. อาหารมันเยิ้มอาหารมันๆ อาจเข้าไปยุ่งกับกระเพาะที่ระคายเคืองอยู่แล้ว ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ขึ้นหรือแย่ลง และทำให้คุณรู้สึกเฉื่อยมากขึ้นไปอีก
  4. คาเฟอีนมากเกินไป กาแฟหนึ่งถ้วยสามารถช่วยอาการมึนงงและปวดหัวได้ แต่กาแฟมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ซึ่งอาจจะทำให้อาการขาดน้ำเป็นมากขึ้น
  5. ข้ามมื้ออาหารการงดอาหารเนื่องคุณรู้สึกคลื่นไส้หรือเพียงแค่ต้องการอยู่บนเตียงทั้งวัน แต่อาจจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณลดลงและทำให้คุณรู้สึกแย่ลงได้ ให้รับประทาน ผลไม้และผัก หรือทานอาหารรสจืดหากคุณรู้สึกไม่สบายใจ
  6. การดื่มน้ำให้เพียงพอ การจิบน้ำและน้ำผลไม้จะช่วยให้คุณไม่ขาดน้ำ วิธีนี้สามารถช่วยบรรเทาอาการบางอย่างและทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้
  7. นอนหลับบ้าง แอลกอฮอล์ทำให้คุณภาพการนอนหลับไม่ดี แม้ว่าคุณจะนอนนาน หากคุณรู้สึกไม่สบายหลังจากดื่มมาทั้งคืน ก็ให้ไปหลับ
  8. กินยาแก้ปวด. ยาแก้ปวดที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ (OTC) สามารถช่วยแก้ปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อได้ แต่พึงระลึกไว้เสมอว่าแอสไพรินและไอบูโพรเฟนอาจทำให้กระเพาะระคายเคือง และอะเซตามิโนเฟนสามารถทำลายตับหากคุณดื่มมาก ทางที่ดีควรรับประทานสิ่งเหล่านี้กับอาหารเล็กน้อย
  9. รับประทานอาหาร การกินสามารถช่วยให้คุณเติมเกลืแร่ที่พล่องไป และทำให้ลดอาการระตายท้อง ไปหาของจืดๆเช่น น้ำซุป และขนมปังปิ้ง

เมื่อไรจะต้องพบแพทย์

หากคุณไม่รู้สึกดีขึ้นหลังจาก 24 ชั่วโมง ให้ปรึกษากับแพทย์ หากมีอาการต่อไปนี้ขณะดื่มสุราให้รีบเข้าโรงพยาบาล:

  • หายใจช้าหรือผิดปกติ
  • ชัก
  • อุณหภูมิร่างกายต่ำ
  • ผิวเป็นสีน้ำเงินหรือสีซีด
  • หมดสติ
  • สับสน
  • อาเจียน

การป้องกันอาการเมาค้าง

การไม่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นวิธีเดียวที่จะป้องกันได้ อาการเมาค้างในอนาคต

หากคุณยังไม่พร้อมที่จะสาบานว่าจะดื่มสุราโดยสิ้นเชิง เคล็ดลับเหล่านี้จะบรรเทาอาการเมาค้าง

  • ตั้งขีดจำกัดการดื่มล่วงหน้าและปฏิบัติตาม อย่าให้ใครกดดันให้คุณดื่มมากเกินที่คุณต้องการ
  • ใช้วิธีการจิบแทนที่จะดื่มและสลับการดื่มเหล้ากับเครื่องดื่มอื่นที่ไม่มีแอลกอฮอล์ จะทำให้คุณไม่ดื่มมากเกินไปหรือเร็วเกินไป
  • เลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงหรืออย่างน้อยก็จำกัดไวน์แดงและสุราสีเข้ม เช่น bourbon เครื่องดื่มดำมีสารที่ก่อให้เกิดอาการเมาค้างมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้อาการเมาค้างแย่ลงได้
  • กินก่อนดื่ม แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเร็วขึ้นในขณะท้องว่าง กินก่อนเริ่มดื่ม และกินขณะดื่มซึ่งจะลดการดูดซึม

 

 

Google
 

เพิ่มเพื่อน