Lorazepam: แนวทางการใช้ยา ข้อควรระวัง และผลข้างเคียง
ทำความรู้จัก Lorazepam
Lorazepam (ชื่อการค้า: Ativan) เป็นยาในกลุ่ม Benzodiazepines ซึ่งออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง (CNS Depressant) ใช้เพื่อรักษาความวิตกกังวล (Anxiety Disorders) และปัญหาการนอนไม่หลับ (Insomnia) ที่เกี่ยวข้องกับความวิตกกังวล นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อช่วยให้คุณผ่อนคลายก่อนการผ่าตัดหรือการรักษาทางการแพทย์หรือทันตกรรมอื่น ๆ ซึ่งเรียกว่า Pre-Med และใช้ในการควบคุมอาการชักเฉียบพลัน เช่น ภาวะ Status Epilepticus
ยานี้ทำงานโดยเพิ่มระดับของสารเคมีที่เรียกว่า กรดแกมมา-อะมิโนบิวทีริก (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยทำให้สมองสงบและผ่อนคลาย Lorazepam เป็นยาควบคุมพิเศษที่ต้องจ่ายตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น มีจำหน่ายในรูปแบบเม็ด, ของเหลว (Oral Solution) ที่รับประทาน และยาฉีดสำหรับใช้ในโรงพยาบาล

ข้อบ่งใช้ของ Lorazepam
Lorazepam ได้รับการอนุมัติจาก U.S. FDA สำหรับการรักษาดังต่อไปนี้:
- ความวิตกกังวล (Anxiety Disorders): ใช้รักษาอาการวิตกกังวลในระยะสั้น หรืออาการวิตกกังวลที่เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้า
- นอนไม่หลับ (Insomnia): ใช้ในกรณีที่นอนไม่หลับเนื่องจากความเครียดหรือความวิตกกังวล
- อาการชัก (Seizures): ใช้ควบคุมอาการชักเฉียบพลัน เช่น ภาวะ Status Epilepticus (ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ)
- ระงับประสาทก่อนผ่าตัด (Preoperative Sedation): ใช้เพื่อลดความวิตกกังวลและช่วยให้ผู้ป่วยสงบก่อนการผ่าตัด
- อาการคลื่นไส้จากการใช้เคมีบำบัด (Chemotherapy-Induced Nausea): บางครั้งใช้ร่วมกับยาอื่นเพื่อลดอาการคลื่นไส้
- อาการข้างเคียงจากยารักษาโรคจิต (Psychotropic Medications): ใช้รักษาอาการข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาโรคจิตประสาท
ข้อเท็จจริงสำคัญเกี่ยวกับ Lorazepam
- Lorazepam แบบเม็ดและแบบน้ำเริ่มออกฤทธิ์ในเวลาประมาณ 20 ถึง 30 นาที และฤทธิ์ระงับประสาทจะอยู่ได้ประมาณ 6 ถึง 8 ชั่วโมง
- ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคือรู้สึกง่วงนอน (Drowsiness) ในเวลากลางวัน
- ไม่แนะนำให้รับประทาน Lorazepam นานเกิน 4 สัปดาห์ เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการพึ่งพายา
- หากยาทำให้คุณรู้สึกง่วง อย่าขับรถ, ขี่จักรยาน, หรือใช้เครื่องมือหรือเครื่องจักร
- ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ ขณะรับประทาน Lorazepam เพราะอาจทำให้หลับลึกมาก, มีปัญหาการหายใจ, และตื่นยาก
การเข้าถึง Lorazepam ในประเทศไทย
Lorazepam เป็นยาตามใบสั่งแพทย์ มีให้บริการในโรงพยาบาลและร้านขายยาที่ได้รับอนุญาต เช่น รพ.สต. และโรงพยาบาลเอกชน กรุณาปรึกษาแพทย์เพื่อรับใบสั่งยาและคำแนะนำ ร้านขายยาในประเทศไทย

รูปแบบและขนาดยา Lorazepam
Lorazepam มีจำหน่ายในหลายรูปแบบ:
- ยาเม็ด: 0.5 มก., 1 มก., และ 2 มก.
- ยาน้ำ (Oral Solution): 1 มก./มล.
- ยาฉีด: 2 มก./มล. และ 4 มก./มล.
ขนาดยาที่แนะนำ
ขนาดยาขึ้นอยู่กับข้อบ่งใช้, อายุ, และสภาวะของผู้ป่วย ควรใช้ตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น:
- สำหรับความวิตกกังวล (ผู้ใหญ่):
- 1-4 มก./วัน แบ่งให้วันละ 2-3 ครั้ง
- ขนาดสูงสุด: ไม่ควรเกิน 10 มก./วัน
- สำหรับนอนไม่หลับ (ผู้ใหญ่):
- 1-2 มก. ก่อนนอน
- สำหรับระงับประสาทก่อนผ่าตัด (Pre-Med):
- ผู้ใหญ่: 2-3 มก. ในคืนก่อนขั้นตอน และ 2-4 มก. ประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนขั้นตอน
- เด็กอายุ 5-11 ปี: ขนาดยาขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว (คำนวณโดยแพทย์)
- เด็กอายุ 12-17 ปี: 1-4 มก. ในคืนก่อนขั้นตอน หรืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนขั้นตอน
- สำหรับอาการชัก (Status Epilepticus):
- ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ: 4 มก. ในครั้งแรก หากอาการชักไม่หยุดภายใน 10 นาที อาจให้ซ้ำได้อีก 4 มก.
- สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาตับ/ไต: แพทย์อาจแนะนำให้ลดขนาดยาลง
วิธีรับประทาน
- รับประทานพร้อมหรือไม่พร้อมอาหารก็ได้
- หากใช้ยาน้ำ ให้ใช้ช้อนตวงยาเพื่อให้ได้ขนาดที่ถูกต้อง
- ควรรับประทานยาตามเวลาเดิมทุกวัน เพื่อรักษาระดับยาในร่างกายให้สม่ำเสมอ
- หากใช้รักษาอาการนอนไม่หลับ ให้รับประทานเพียงครั้งเดียวก่อนนอน
ระยะเวลาในการใช้ยา
ระยะเวลาการใช้ Lorazepam ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ใช้:
- สำหรับความวิตกกังวลและนอนไม่หลับ: มักแนะนำให้ใช้ไม่เกิน 4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการพึ่งพายา ปริมาณอาจค่อย ๆ ลดลงเมื่อหยุดใช้เพื่อป้องกันอาการถอนยา
- ก่อนการผ่าตัดหรือหัตถการ: ใช้เพียง 2 โดส (คืนก่อนและก่อนขั้นตอน)
- สำหรับอาการชัก: ใช้ในโรงพยาบาลเท่านั้น โดยแพทย์จะควบคุมการใช้
- หากแพทย์สั่งให้ใช้ยานานเกิน 4 สัปดาห์ แพทย์จะแจ้งระยะเวลาการใช้และวิธีการหยุดยา
ข้อควรระวังก่อนใช้ Lorazepam
Lorazepam เป็นยาควบคุมพิเศษ (จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 4) ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการพึ่งพายาและผลข้างเคียงที่รุนแรง:
ข้อห้ามใช้:
- ผู้ที่แพ้ Lorazepam หรือยาในกลุ่ม Benzodiazepine อื่น เช่น Alprazolam (Xanax), Chlordiazepoxide (Librium), Clonazepam (Klonopin), Clorazepate (Tranxene), Diazepam (Valium), Estazolam, Flurazepam, Oxazepam, Temazepam (Restoril), Triazolam (Halcion)
- ผู้ป่วยที่มีโรคต้อหินมุมแคบ (Acute Narrow-Angle Glaucoma) เนื่องจากอาจทำให้สูญเสียการมองเห็น
- ผู้ป่วยที่มีภาวะหายใจลำบากรุนแรง เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea), โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD), หรือโรคหอบหืด
แจ้งแพทย์หากคุณมีภาวะดังต่อไปนี้:
- มีประวัติแพ้ยา, แอสไพริน, หรือทาร์ทราซีน (สีย้อมสีเหลืองในอาหารหรือยา)
- มีปัญหาเกี่ยวกับตับหรือไต
- มีปัญหาการหายใจ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือโรคปอด
- เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis)
- มีประวัติโรคซึมเศร้าหรือคิดทำร้ายตัวเอง
- มีประวัติติดแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด
- มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) หรือปัญหาการไหลเวียนของเลือด
- มีปัญหาการทรงตัวหรือเสี่ยงต่อการหกล้ม
- ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคบุคลิกภาพแปรปรวน (Personality Disorder)
- กำลังตั้งครรภ์, วางแผนตั้งครรภ์, หรือให้นมบุตร
- กำลังจะมีการวางยาสลบสำหรับการผ่าตัดหรือการรักษาทางทันตกรรม
- ใช้ยาอื่น ๆ รวมถึงยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์, ยาที่ซื้อเอง, วิตามิน, อาหารเสริม, และผลิตภัณฑ์สมุนไพร
การใช้ในกลุ่มพิเศษ:
- หญิงตั้งครรภ์: Lorazepam จัดอยู่ใน Pregnancy Category D (มีความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์) การใช้ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์อาจทำให้ทารกมีอาการง่วงซึมหรืออาการถอนยาหลังคลอด เช่น หายใจลำบาก, เฉื่อยชา, กล้ามเนื้ออ่อนแรง, หงุดหงิด, สั่น, หรือมีปัญหาการกินนม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์และความเสี่ยง
- หญิงให้นมบุตร: Lorazepam ผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ในปริมาณเล็กน้อย อาจทำให้ทารกง่วงซึมหรือมีปัญหาการหายใจ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ เว้นแต่แพทย์เห็นว่าประโยชน์มีมากกว่าความเสี่ยง หากใช้ยานี้ ควรระวังอาการในทารก เช่น กินนมได้น้อย, ง่วงผิดปกติ, หรือหายใจผิดปกติ และห้ามนอนเตียงเดียวกับทารก
- ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป): ควรใช้ในขนาดต่ำ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงมากขึ้น เช่น ง่วงซึม, สับสน, หรือหกล้ม
- เด็ก: สามารถใช้ในเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไปสำหรับการระงับประสาทก่อนผ่าตัด (Pre-Med) โดยขนาดยาจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวและคำสั่งแพทย์
ผลข้างเคียงของ Lorazepam
Lorazepam อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ดังนี้:
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (พบในคนมากกว่า 1 ใน 100):
- ง่วงนอน (Drowsiness) หรือเหนื่อยมากในตอนกลางวัน
- วิงเวียนศีรษะ (Dizziness)
- อ่อนเพลีย (Fatigue)
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Weakness)
- ปัญหาการประสานงานหรือควบคุมการเคลื่อนไหว (Unsteadiness)
- ท้องเสียหรือท้องผูก
- คลื่นไส้
- การเปลี่ยนแปลงของความอยากอาหาร
- กระสับกระส่ายหรือตื่นเต้น
- มองเห็นภาพซ้อน
- การเปลี่ยนแปลงทางเพศหรือความสามารถ
วิธีรับมือกับผลข้างเคียงที่พบบ่อย:
- ง่วงนอนหรือเหนื่อย: หลีกเลี่ยงการขับรถหรือทำงานที่ต้องใช้สมาธิ หากอาการรุนแรง ให้ปรึกษาแพทย์
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือปัญหาการประสานงาน: ระวังการหกล้ม โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
- ท้องผูก: ดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง
- คลื่นไส้: รับประทานยาพร้อมอาหารหรือดื่มน้ำขิง
ผลข้างเคียงที่รุนแรง (พบในคนน้อยกว่า 1 ใน 1,000):
หากมีอาการต่อไปนี้ ให้หยุดยาและพบแพทย์ทันทีหรือโทร 111:
- ตาขาวหรือผิวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง (ดีซ่าน) ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับตับ
- เห็นภาพหลอน (Hallucinations) หรือคิดว่าสิ่งที่ไม่จริง (Delusions)
- ล้มบ่อยหรือมีปัญหาการทรงตัว
- อาการสั่นแบบถาวรหรือนั่งนิ่งไม่ได้
- ปัญหาการพูด
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- เปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น พูดมากเกินไป, ตื่นเต้นมากเกินไป, กระสับกระส่าย, หงุดหงิด, หรือก้าวร้าว (พบมากในเด็กและผู้สูงอายุ)
- สูญเสียความทรงจำ (Amnesia)
อาการแพ้รุนแรง (Anaphylaxis):
หากมีอาการต่อไปนี้ ให้ไปโรงพยาบาลทันที:
- ผื่น, ลมพิษ, อาการคัน, บวมที่ใบหน้า, ตา, หรือปาก
- หายใจไม่ออก, แน่นหน้าอกหรือลำคอ
- มีปัญหาการหายใจหรือพูด
- ปาก, ใบหน้า, ริมฝีปาก, ลิ้น, หรือคอเริ่มบวม
ผลข้างเคียงระยะยาว:
การใช้ Lorazepam เป็นเวลานานเกิน 4 สัปดาห์อาจทำให้เกิดการพึ่งพายา (Dependence) หากหยุดยาเฉียบพลัน อาจมีอาการขาดยา (Withdrawal Symptoms) เช่น:
- วิตกกังวล
- นอนไม่หลับ
- ชัก
- ตัวสั่น
- กระสับกระส่าย
เพื่อป้องกันอาการถอนยา ควรค่อย ๆ ลดขนาดยาตามคำแนะนำของแพทย์
ตารางสรุปผลข้างเคียงของ Lorazepam
ผลข้างเคียง | ความถี่ | คำแนะนำ |
---|---|---|
ง่วงนอน เวียนศีรษะ | พบบ่อย | หลีกเลี่ยงการขับรถหรือทำงานที่ต้องใช้สมาธิ |
การพึ่งพายา | พบน้อย | ใช้ยาในระยะสั้นตามคำแนะนำแพทย์ |
อาการถอนยา | พบน้อย | ค่อยๆ ลดขนาดยา อย่าหยุดยาทันที |
การจัดการหากลืมรับประทานยา
- สำหรับความวิตกกังวล: หากลืมรับประทานและยังไม่เกิน 3 ชั่วโมง ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากเกิน 3 ชั่วโมง ให้ข้ามขนาดยาที่ลืมและรับประทานครั้งต่อไปตามปกติ
- สำหรับนอนไม่หลับ: หากลืมรับประทานก่อนนอน ให้ข้ามไปและรับประทานตามปกติในคืนถัดไป
- ก่อนการผ่าตัด (Pre-Med): ตรวจสอบคำแนะนำจากโรงพยาบาล หรือโทรสอบถามโรงพยาบาลเพื่อขอคำแนะนำ
- คำแนะนำเพิ่มเติม: ห้ามรับประทาน 2 โดสเพื่อชดเชยปริมาณที่ลืม หากลืมบ่อย ๆ ให้ตั้งปลุกเตือนหรือปรึกษาเภสัชกรเพื่อหาวิธีช่วยจำ
การจัดการหากรับประทานยาเกินขนาด
หากรับประทาน Lorazepam เกินขนาด อาจมีอาการดังต่อไปนี้:
- ง่วงนอนรุนแรง
- สับสน
- การประสานงานไม่ดีหรือมีปัญหาการพูด
- หัวใจเต้นช้าลงหรือไม่สม่ำเสมอ
- การเคลื่อนไหวของดวงตาที่ควบคุมไม่ได้
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ตื่นเต้นมากเกินไป
- หายใจช้าลง
- สูญเสียสติ
คำแนะนำเร่งด่วน: หากสงสัยว่ากินยาเกินขนาด ให้รีบไปโรงพยาบาลทันทีหรือโทร 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน
การใช้ Lorazepam ร่วมกับยาอื่นและสมุนไพร
ยาที่อาจมีปฏิกิริยา:
ยาบางชนิดอาจเพิ่มผลข้างเคียงของ Lorazepam หรือรบกวนการทำงานของยา ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้ทั้งหมด:
- ยาที่กดประสาทส่วนกลาง: เช่น แอลกอฮอล์, ยานอนหลับ (Zolpidem), ยาคลายกล้ามเนื้อ (Baclofen, Tizanidine), หรือยาแก้ปวดกลุ่ม Opioid (Codeine, Methadone, Morphine, Oxycodone, Pethidine, Tramadol) อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการหายใจลำบากหรือหมดสติ
- ยาต้านซึมเศร้า: เช่น Fluoxetine
- ยารักษาโรคจิต: เช่น Risperidone
- ยากันชัก: เช่น Phenytoin
- ยาต้านฮิสตามีนที่ทำให้ง่วง: เช่น Chlorpheniramine, Promethazine
- ยารักษาโรค HIV: เช่น Ritonavir, Atazanavir, Efavirenz, Saquinavir
- ยาต้านเชื้อรา: เช่น Fluconazole
- ยารักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย: เช่น Rifampicin
- ยาลดกรดในกระเพาะ: เช่น Omeprazole, Esomeprazole
- ยารักษาการติดแอลกอฮอล์: เช่น Disulfiram
- ยารักษาวัณโรค: เช่น Isoniazid
- ยารักษาโรคหอบหืด: เช่น Theophylline
สมุนไพรและอาหารเสริม:
- หลีกเลี่ยงสมุนไพรที่รักษาความวิตกกังวลหรือนอนไม่หลับ เช่น วาเลอเรี่ยน (Valerian) หรือเสาวรส (Passionflower) เพราะอาจเพิ่มผลง่วงนอนของ Lorazepam
- ไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของสมุนไพรและอาหารเสริมอื่น ๆ ร่วมกับ Lorazepam เนื่องจากไม่ได้ผ่านการทดสอบในลักษณะเดียวกับยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
- ห้ามขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักรหลังใช้ยา เนื่องจากอาจทำให้ง่วงซึมและลดความตื่นตัว
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ขณะใช้ยา
- ใช้ยาตามขนาดและระยะเวลาที่แพทย์สั่ง ไม่ควรใช้เกิน 4 สัปดาห์สำหรับการรักษาความวิตกกังวลหรือนอนไม่หลับ เว้นแต่แพทย์แนะนำ
- หากกำลังเข้ารับการผ่าตัด รวมถึงการทำฟัน ให้แจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ว่าคุณกำลังใช้ Lorazepam
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ยา Diazepam อีกหนึ่งตัวเลือกในกลุ่ม Benzodiazepine
การเก็บรักษา Lorazepam
- เก็บที่อุณหภูมิห้อง (20-25 องศาเซลเซียส) หลีกเลี่ยงความชื้น ความร้อน และแสงแดด
- เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ยาฉีดควรเก็บในตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) หากไม่ได้ใช้ทันที