หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
Acyclovir เป็นยาต้านไวรัสที่ใช้รักษาการติดเชื้อไวรัสกลุ่ม Herpesviridae เช่น เริม (Herpes simplex), อีสุกอีใส (Varicella-zoster), และงูสวัด (Herpes zoster) ยานี้ช่วยลดความรุนแรงของอาการและเร่งการฟื้นตัวของร่างกาย โดยออกฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส
ยา Acyclovir (อะซัยโคลเวีย) ได้รับการขึ้นทะเบียนสำหรับรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อ herpes หากทราบว่าเป็นโรคนี้ตั้งแต่เริ่มเป็น การให้ยานี้จะบรรเทาอาการ และระยะเวลาที่เป็นโรคสั้นลง
เริมที่ปากและอวัยวะเพศ (Herpes simplex virus, HSV-1 และ HSV-2) เริมที่อวัยวะเพศ เริมที่ริมฝีปาก
งูสวัด (Herpes zoster) ซึ่งมักเกิดในผู้สูงอายุหรือผู้มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โรคงูสวัด
อีสุกอีใส (Varicella-zoster virus, VZV) ในเด็กและผู้ใหญ่ ไข้สุกใส
ใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยเอชไอวี หรือผู้ที่ได้รับเคมีบำบัด
ขนาดยาขึ้นอยู่กับประเภทของโรค อายุ และสภาพร่างกายของผู้ป่วย โดยทั่วไปมีคำแนะนำดังนี้:
เริมที่ปากหรืออวัยวะเพศ: 200 มก. ทุก 4 ชั่วโมง (5 ครั้งต่อวัน) เป็นเวลา 5-10 วัน
งูสวัด: 800 มก. ทุก 4 ชั่วโมง (5 ครั้งต่อวัน) เป็นเวลา 7-10 วัน
อีสุกอีใส: 800 มก. ทุก 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 วัน
ยาทา: ทาบริเวณที่มีตุ่มพองวันละ 5 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4 ชั่วโมง
ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังใช้ยา
ใช้คอตตอนบัดหรือปลายนิ้วสะอาดทายาลงบนบริเวณที่เป็นโรค
หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา ปาก หรือเยื่อเมือกขณะใช้ยา
ไม่ควรใช้ยานี้กับแผลเปิดหรือบริเวณที่ไม่ใช่ผิวหนัง
ควรเริ่มใช้ยาทาภายใน 24-48 ชั่วโมงแรก หลังจากเริ่มมีอาการผื่นขึ้นเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
ยาทาช่วยลดระยะเวลาของโรคและอาการปวดได้ แต่ไม่ได้กำจัดไวรัส โดยตรง
ควรเริ่มใช้ยาให้เร็วที่สุดเมื่อเริ่มมีอาการเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
ควรดื่มน้ำมากๆ ขณะใช้ยาเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่ไต
คำแนะนำทั่วไป
โดยส่วนใหญ่แล้วผลข้างเคียงของยา Acyclovir ที่สามารถพบได้ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย ความอยากอาหารลดลง รู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ และหากเป็นยาชนิดฉีดก็อาจมีอาการบวมแดง และอักเสบบริเวณที่ฉีดยาได้
ผลข้างเคียงของยาที่พบบ่อย
อาการอื่นๆที่อาจจะพบได้
ทว่าหากอาการเหล่านี้เริ่มรุนแรงขึ้น จนไปรบกวนกับการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ เกิดจุดเลือดสีแดงหรือสีม่วงใต้ผิวหนัง หรือมีปัญหาเกี่ยวกับไต เช่น ปัสสาวะไม่ออก รู้สึกเจ็บเวลาปัสสาวะ หรือปัสสาวะขัด เกิดอาการบวมที่ข้อเท้าและเท้า รู้สึกเหนื่อยง่าย และหายใจถี่ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
คลื่นไส้ อาเจียน
ปวดศีรษะ
อ่อนเพลีย
ผื่นคัน
ปัญหาการทำงานของไต เช่น ปัสสาวะน้อยผิดปกติ หรือมีอาการบวมที่เท้าและขา
อาการแพ้รุนแรง เช่น หายใจลำบาก ผื่นขึ้นทั่วร่างกาย หน้าบวม
ปัญหาทางระบบประสาท เช่น สับสน มึนงง ประสาทหลอน
ปัสสาวะน้อยหรือไม่ออกเลย
ปวดหลังส่วนล่างหรือด้านข้างอย่างรุนแรง
หัวใจเต้นเร็วหรือผิดปกติ
มีรอยช้ำหรือเลือดออกง่ายผิดปกติ
มีอาการชักหรือหมดสติ
ผื่นรุนแรง มีตุ่มน้ำพอง หรือผิวลอก
หายใจลำบาก หรืออาการบวมที่ใบหน้า ลิ้น หรือคอ
หากมีอาการรุนแรง ควรหยุดยาและพบแพทย์ทันที
หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
ผู้ป่วยโรคไต ควรได้รับการปรับขนาดยา
หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับยาอื่นที่อาจส่งผลต่อไต เช่น ยาขับปัสสาวะหรือยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs
ควรป้องกันการแพร่เชื้อ โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้อื่นขณะติดเชื้อ
Probenecid: ทำให้ระดับ Acyclovir ในเลือดสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียง
Cimetidine: อาจเพิ่มระดับ Acyclovir ในเลือดและทำให้ไตทำงานหนักขึ้น
Mycophenolate mofetil: อาจเพิ่มระดับของทั้งสองยาในร่างกาย
ยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs (เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Naproxen): อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไตเสื่อม
Cyclosporine และ Tacrolimus: ยากดภูมิคุ้มกันที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อไตเสื่อมเมื่อใช้ร่วมกับ Acyclovir
แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับยาที่คุณใช้ทั้งหมดเพื่อป้องกันปฏิกิริยาระหว่างยา
หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับยาที่มีพิษต่อไตเว้นแต่แพทย์แนะนำเป็นพิเศษ
ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ไต
หากต้องใช้ยาอื่นร่วมกับ Acyclovir ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับขนาดยาให้เหมาะสม
ผู้ป่วยที่มีโรคไต ต้องระวังการให้ยานี้ และอาจต้องปรับขนาดยา
สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจมีความเสี่ยงต่อภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ควรติดตามผลเลือด
การให้ยาควรเริ่มภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากเริ่มมีผื่นหรืออาการแรกเริ่มของโรค เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด
หลีกเลี่ยงการให้ร่วมกับยาที่มีพิษต่อไต เช่น ยาขับปัสสาวะบางชนิด หรือยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs เพราะอาจทำให้ไตเสื่อมได้
ผู้ป่วยต้องได้รับสารน้ำเพียงพอ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ไตและป้องกันภาวะไตวายเฉียบพลัน
เก็บยาในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงความชื้นและแสงแดด
หากเป็นยาน้ำแขวนตะกอน ควรเก็บในตู้เย็นและใช้ให้หมดภายในระยะเวลาที่กำหนด
Acyclovir เป็นยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้เสมอ
📌 แชร์บทความนี้ เพื่อให้ทุกคนรู้วิธีใช้ Acyclovir อย่างถูกต้องและปลอดภัย! 👍
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว