jrprint

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน

adv

ยาลดไขมันในเลือด คอเลสเตอรอล

ยาลดไขมันในเลือด: ประโยชน์และข้อควรรู้

ยาลดไขมันในเลือด หรือที่เรียกว่า "ยาลดคอเลสเตอรอล" เป็นกลุ่มยาที่มีความสำคัญในการรักษาภาวะไขมันในเลือดสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหัวใจและหลอดเลือด การสะสมของไขมันในหลอดเลือดหรือการแข็งตัวของหลอดเลือด (atherosclerosis) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดภาวะหลอดเลือดอุดตัน อาการหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมองได้ ยาลดไขมันในเลือดจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้โดยการลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันชนิดอื่นๆ ในเลือด

ยาลดไขมันเลว LDL

  1. ยากลุ่มสแตติน (Statins)
    สแตตินเป็นยาที่แพทย์ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยจะยับยั้งเอนไซม์ในตับที่ร่างกายต้องใช้ในการสร้างคอเลสเตอรอล ส่งผลให้ตับสามารถดึงคอเลสเตอรอลออกจากกระแสเลือดได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยในการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากคราบไขมันบนผนังหลอดเลือดแดงได้ด้วย ตัวอย่างยากลุ่มสแตตินได้แก่:

    ผลข้างเคียง: อาจทำให้เกิดปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว หรือบางรายอาจมีภาวะเอนไซม์ตับสูงขึ้นได้

  2. ยากักเก็บกรดน้ำดี (Bile Acid Sequestrants)
    ยากลุ่มนี้จะทำงานในลำไส้โดยจับกับกรดน้ำดีที่มีคอเลสเตอรอลอยู่และป้องกันไม่ให้ถูกดูดซึมกลับเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ร่างกายต้องใช้คอเลสเตอรอลจากแหล่งอื่นๆ เพื่อสร้างกรดน้ำดี ตัวอย่างยากลุ่มนี้ได้แก่:

    • โคลีสไทราไมน์ (Cholestyramine) หรือ Prevalite
    • โคลีซีเวลัม (Colesevelam) หรือ WelChol
    • Colestipol (Colestid®)
    • Colesevelam Hcl (WelChol®)

    ผลข้างเคียง: อาจทำให้เกิดท้องผูก แก๊สในลำไส้ และปวดท้อง

  3. ยาต้านการดูดซึมคอเลสเตอรอล (Cholesterol Absorption Inhibitors)
    ยาประเภทนี้ทำงานโดยการยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้เล็ก ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ตัวอย่างเช่น เอเซทิไมบ์ (Ezetimibe ) หรือ Zetia ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับสแตตินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดไขมันในเลือด

    ผลข้างเคียง: อาจทำให้เกิดปวดกล้ามเนื้อ ท้องเสีย และปวดท้อง

  4. ยาฉีดกลุ่ม PCSK9 inhibitors
    ยาใหม่ในกลุ่มนี้ทำงานโดยการช่วยให้ตับดูดซึม LDL คอเลสเตอรอลได้มากขึ้น จึงช่วยลดปริมาณ LDL คอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยากลุ่มอื่น ตัวอย่างเช่น:

    • อาลิโรคูแมบ (Alirocumab) หรือ Praluent
    • อีโวลูคูแมบ (Evolocumab) หรือ Repatha

    ผลข้างเคียง: บางรายอาจมีอาการบวมแดงหรือเจ็บบริเวณที่ฉีดยาได้

ใครที่ควรใช้ยาลดไขมันในเลือด?

ยาลดไขมันในเลือดมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอล LDL สูง ผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ แพทย์จะประเมินปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดเพื่อกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยาและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เช่น การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการลดความเครียด

สรุป

ยาลดไขมันในเลือดมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด อย่างไรก็ตาม การใช้ยาควรเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์และควรตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่ายานั้นมีประสิทธิภาพและปลอดภัย การเลือกใช้ยาลดไขมันในเลือดที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล แต่ยังเป็นการดูแลสุขภาพในระยะยาวเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง

 

การใช้ยาลดไขมันในเลือด หรือยาลดคอเลสเตอรอล ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะการใช้ยาดังกล่าวควรพิจารณาปัจจัยเสี่ยงและภาวะสุขภาพของแต่ละบุคคล ผู้ที่ควรพิจารณาใช้ยาลดไขมันในเลือด ได้แก่:

  1. ผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจและหลอดเลือด
    คนที่เคยมีประวัติโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง ควรใช้ยาลดไขมันเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการซ้ำ การลดคอเลสเตอรอลในกลุ่มนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้คราบไขมันเกาะในหลอดเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการหัวใจวายซ้ำได้

  2. ผู้ที่มีระดับ LDL-C สูงเกิน 190 มก./ดล.
    ผู้ที่มีระดับ LDL-C สูงมาก (มากกว่า 190 มก./ดล.) ซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรมหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นการใช้ยาลดไขมันจึงเป็นวิธีที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  3. ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 40-75 ปีที่เป็นเบาหวาน
    คนที่เป็นเบาหวานจะมีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะเมื่อมีอายุ 40-75 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ความเสี่ยงโรคหัวใจมักเพิ่มขึ้น การใช้ยาลดไขมันจึงมีความสำคัญในการลดปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมในกลุ่มนี้

  4. ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 40-75 ปีที่มีระดับ LDL-C ระหว่าง 70-189 มก./ดล. และมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจภายใน 10 ปี
    ผู้ที่มีระดับ LDL-C อยู่ในช่วง 70-189 มก./ดล.ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดใน 10 ปีข้างหน้าระหว่าง 5% ถึง 19.9% (ตามการประเมินของแพทย์) ถือว่าเป็นกลุ่มที่สามารถพิจารณาใช้ยาลดไขมันในเลือดเพื่อป้องกันการเกิดโรคได้ และมีปัจจัยเสี่ยง เช่น ความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ

  5. ผู้ใหญ่ 40-75 ปีที่มีระดับ LDL-C 70-189 มก./ดล. และ มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดจากหลอดเลือด 20% ใน 10ปี
  6. ผู้ที่มีภาวะทางพันธุกรรมหรือมีประวัติโรคหลอดเลือดหัวใจและไม่สามารถทนต่อสแตตินหรือยาลดคอเลสเตอรอลอื่นๆ
    สำหรับผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงที่เกิดจากพันธุกรรม (Familial Hypercholesterolemia) หรือผู้ที่ไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงของยากลุ่มสแตตินได้ อาจเลือกใช้ยาฉีดกลุ่ม PCSK9 inhibitors เช่น อาลิโรคูแมบ (Alirocumab) หรือ อีโวลูคูแมบ (Evolocumab) ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป

การใช้ยาลดไขมันในเลือดเหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด อย่างไรก็ตาม การใช้ยาควรได้รับการประเมินและคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อประเมินประสิทธิภาพและติดตามผลข้างเคียงของยา ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงควรดูแลสุขภาพทั้งในเรื่องการออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร และการลดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษา

ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลของคุณ

สำหรับบางคน การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและการออกกำลังกายมากขึ้น อาจป้องกันหรือรักษาระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้ สำหรับผู้ที่มีโคเลสเตอรอลสูง อาจจำเป็นต้องใช้ยา

ทำงานร่วมกับแพทย์เพื่อพัฒนาแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ ถ้าจำเป็นต้องกินยา ให้กินยาตามที่กำหนด ประโยชน์ที่เป็นไปได้ต่อสุขภาพของคุณนั้นคุ้มค่าที่จะให้ยาเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรปกติของคุณ

 

ตารางแสดงประสิทธิภาพในการลดไขมันของยาแต่ละชนิด

Atorva Fluva Pitava Lova Prava Rosuva Vytorin* Simva %↓ LDL-C
----- 40 mg 1 mg 20 mg 20 mg ----- ----- 10 mg 30%
10 mg 80 mg 2 mg 40 or 80 mg 40 mg ----- ----- 20 mg 38%
20 mg ----- 4 mg 80 mg 80 mg 5 mg 10/10 mg 40 mg 41%
40 mg -----   ----- ----- 10 mg 10/20 mg 80 mg 47%
80 mg -----   ----- ----- 20 mg 10/40 mg ----- 55%
  -----   ----- ----- 40 mg 10/80 mg ----- 63%

Atorva=Atorvastatin; Fluva=Fluvastatin; Pitava=Pitavastatin; Lova=Lovastatin; Prava=Pravastatin; Rosuva=Rosuvastatin; Simva=Simvastatin.

*No incremental benefit of Vytorin on cardiovascular morbidity and mortality over and above that demonstrated for simvastatin has been established.

References 

  1. Graham DJ, Staffa JA, Shatin D, Andrade SE, Schech SD, La Grenade L. Incidence of hospitalized rhabdomyolysis in patients treated with lipid-lowering drugs. JAMA. 2004;292:2585-90.
  2. https://www.webmd.com/cholesterol-management/guide/cholesterol-lowering-medication
  3. https://www.healthline.com/health/hyperlipidemia
  4. https://www.heart.org/en/health-topics/cholesterol/prevention-and-treatment-of-high-cholesterol-hyperlipidemia/cholesterol-medications