ยารักษาโรคเบาหวาน
การรักษาเบาหวานมุ่งเน้น เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงปกติ และป้องกันโรคแทรกซ้อนในระยะยาว ในการรักษาเบาหวานมีหลักการที่สำคัญคือการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย การรักษาจะไม่ได้ผลหากผู้ป่วยมาคุมอาหารหรือออกกำลังกาย ปัจจุบันการรักษาด้วยยา ได้รับความนิยมใช้ในการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่สอง
ยานี้ลดน้ำตาลในเลือดโดยกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งอินซูลิน และช่วยให้ร่างกายใช้อินซูลินอย่างมีประสิทธิภาพ
ให้หยุดยานี้และไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการแพ้ยารุนแรง
- เป็นลมพิษ หายใจลำบาก บวมหน้า ปาก และคอ
ให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์
- คลื่นไส้อาเจียน แน่นท้อง ไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร ปัสสาวะเข้ม ตัวเหลืองตาเหลือง
- ซีด อ่อนแรง สับสน
- มีจ้ำเลือด เลือดออกง่าย
ผลข้างเคียงของยาไม่มาก
- น้ำตาลในเลือดต่ำ
- คลื่นไส้อาเจียน ท้องผูก ตับอักเสบ
- ระบบผิวหนังมี ผื่นคัน ลมพิษ แพ้แสง
- ระบบเลือดจะมีโลหิตจาง เกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ
- เกลือแร่โซเดี่ยมต่ำ
ขนาดและวิธีใช้ยา
- ขนาดเริ่มต้นให้ใช้ขนาดน้อย 1-2 มก ต่อวันให้วันละครั้ง รับประทานก่อนอาหาร ไม่ควรจะอดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
- สำหรับผู้ที่เสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่นผู้ป่วยสูงอายุ หรือผู้ที่ไตเสื่อมให้เริ่มวันละ 1 มก
- เมื่อปรับยาได้วันละ 2 มก หากยังคุมน้ำตาลไม่ได้ให้เพิ่มครั้งละ 1 มก ระยะเวลาที่ใช้ในการปรับยาแต่ละครั้งประมาณ 1-2 สัปดาห์
- ขนาดยาเต็มที่ไม่เกินวันละ 8 มก
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา
- ยานี้ใช้รักษาโรคเบาหวานประเภท 2 (ไม่ต้องใช้อินซูลิน) ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ด้วยอาหาร ยานี้ลดน้ำตาลในเลือดโดยกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งอินซูลิน และช่วยให้ร่างกายใช้อินซูลินอย่างมีประสิทธิภาพ
ยารักษาเบาหวาน Metformin
ข้อสำคัญสำหรับผู้ที่ใช้ยานี้ เนื่องจากยานี้อาจจะทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด Lactic acidosis และเกิดอาการแพ้ ดังนั้นหากเกิดอาการดังต่อไปนี้ให้หยุดยาและพบแพทย์
- หายใจเร็วและหอบ
- หายใจเร็วและหอบปวดกล้ามเนื้อและอ่อนแรง
- ปวดและมือเท้ารู้สึกเย็น
อินซูลินคืออะไร
อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อน ออกฤทธิ์โดยการนำน้ำตาลจากเลือดเข้าไปในเซลล์ของร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงาน ในผู้ป่วยที่ขาดอินซูลินหรืออินซูลินไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ตามปกติ( ดื้อต่ออินซูลิน) ทำให้เซลล์ไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงจึงเกิดโรคเบาหวาน