siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

มะเร็งผิวหนังชนิด Squamous Cell Carcinoma: สาเหตุ อาการ และการรักษา

มะเร็งผิวหนัง SCC คืออะไร?

มะเร็งผิวหนังชนิด Squamous Cell Carcinoma (SCC) เป็นมะเร็งผิวหนังที่พบได้บ่อยเป็นอันดับสอง รองจาก Basal Cell Carcinoma โดยเกิดจากเซลล์ squamous ซึ่งเป็นเซลล์ชั้นนอกของผิวหนัง (epidermis) มักจะเกิดขึ้นในบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน เช่น ใบหน้า หู หนังศีรษะ ลำคอ หลังมือ และแขน แม้ว่าส่วนใหญ่มักจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะเมื่อตรวจพบและรักษาในระยะเริ่มต้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้หรือไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม SCC สามารถลุกลามไปยังเนื้อเยื่อโดยรอบ ต่อมน้ำเหลือง และอวัยวะภายในได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายร้ายแรง บทความนี้จะกล่าวถึงสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย การรักษา และแนวทางการป้องกัน SCC เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลผิว

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง SCC

SCC เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในเซลล์ squamous ปัจจัยเสี่ยงหลักที่เกี่ยวข้องกับการเกิด SCC of skin คือ การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดด หรือการใช้เตียงอาบแดด เป็นระยะเวลานานและสะสม นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจเพิ่มโอกาสในการเกิด SCC ได้แก่:

  • การสัมผัสแสงแดด: รังสียูวี (UV) จากแสงแดด ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง หรือเตียงอาบแดดเป็นสาเหตุหลัก โดยเฉพาะในผู้ที่สัมผัสแดดเป็นเวลานานหรือมีผิวไหม้แดดบ่อยครั้ง
  • ผิวขาวหรือไวต่อแสงแดด: ผู้ที่มีผิวขาวมีปริมาณเม็ดสีเมลานินน้อย ทำให้ผิวหนังไวต่อรังสี UV มากขึ้น ผมสีอ่อน หรือตาสีอ่อนมีความเสี่ยงสูงกว่า
  • อายุ: ความเสี่ยงในการเกิด SCC เพิ่มขึ้นตามอายุ มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี เนื่องจากรังสียูวีสะสม
  • ภูมิคุ้มกันต่ำ:ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจากได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน หรือผู้ป่วย HIV
  • การสัมผัสสารเคมี: เช่น สารหนู (arsenic) หรือน้ำมันดิน (tar)
  • รอยโรคก่อนมะเร็ง: เช่น Actinic Keratosis (รอยผื่นแดงหรือสะเก็ดจากการถูกแดดนาน) หรือ Bowen’s Disease
  • ประวัติการฉายรังสี: การฉายรังสีเพื่อรักษาโรคอื่นๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิด SCC ในบริเวณที่เคยได้รับการฉายรังสี
  • แผลเรื้อรังหรือรอยแผลเป็น: SCC อาจเกิดในบริเวณแผลไฟไหม้หรือแผลที่ไม่หาย
  • รอยโรคก่อนมะเร็ง: เช่น Actinic Keratosis (Solar Keratosis) ซึ่งเป็นรอยผิวหนังหยาบกร้านที่เกิดจากการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน ถือเป็นภาวะก่อนมะเร็งที่สามารถพัฒนาไปเป็น SCC ได้
  • โรคทางพันธุกรรมบางชนิด: เช่น Xeroderma Pigmentosum ซึ่งทำให้ผิวหนังมีความไวต่อแสง UV มากเป็นพิเศษ

อาการของ Squamous Cell Carcinoma

SCC มักเริ่มจากรอยโรคที่ดูผิดปกติบนผิวหนัง โดยมีลักษณะดังนี้:

ตำแหน่งของมะเร็งที่พบบ่อย

ตำแหน่งที่พบบ่อยคือตำแหน่งที่สัมผัสแสงแดดมาก เช่นหน้า คอ แขน ศีรษะแต่ก็อาจจะพบที่อื่น เช่นริมฝีปาก ในปาก

มะเร็งชนิดนี้หากรักษาช้า เซลล์มะเร็งจะแพร่กระจายเฉพาะที่แต่อาจจะลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง

การวินิจฉัย

การวินิจฉัย SCC เริ่มจากการตรวจร่างกายโดยแพทย์ผิวหนัง หากสงสัยว่าเป็นมะเร็ง จะทำการตรวจเพิ่มเติมดังนี้:

การรักษา

การรักษา SCC ขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่ง ความรุนแรง และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย วิธีการรักษาที่พบบ่อย ได้แก่:

การพยากรณ์โรค

SCC ในระยะเริ่มแรกมีอัตราการรักษาหายสูง (มากกว่า 90%) หากตรวจพบและรักษาทันท่วงที อย่างไรก็ตาม หากมะเร็งลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่น อัตราการรอดชีวิตจะลดลง การติดตามผลหลังการรักษาจึงสำคัญเพื่อตรวจหาการกลับเป็นซ้ำหรือรอยโรคใหม่

การป้องกัน Squamous Cell Carcinoma

การป้องกัน SCC สามารถทำได้โดยลดความเสี่ยงจากรังสียูวีและดูแลผิวอย่างเหมาะสม:

การติดตามผลการรักษา:

หลังการรักษา SCC of skin ผู้ป่วยควรได้รับการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อตรวจหาการกลับมาของโรค หรือการเกิดมะเร็งผิวหนังชนิดอื่นๆ การตรวจติดตามอาจรวมถึงการตรวจร่างกาย และการตัดชิ้นเนื้อหากพบความผิดปกติใหม่ ผู้ป่วยควรระมัดระวังและป้องกันผิวหนังจากการสัมผัสแสงแดดอย่างต่อเนื่อง

ข้อแนะนำสำหรับประชาชน

  1. รู้จักผิวของตัวเอง: สังเกตรอยโรคใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงของไฝ ตุ่ม หรือแผล
  2. อย่าละเลยอาการ: แม้รอยโรคเล็ก ๆ อาจเป็นสัญญาณของ SCC
  3. ปรึกษาแพทย์ทันที: หากพบรอยโรคที่น่าสงสัย โดยเฉพาะในบริเวณที่สัมผัสแดดบ่อย
  4. ปกป้องผิวตั้งแต่เด็ก: การป้องกันรังสียูวีตั้งแต่วัยเด็กช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาว

สรุป

มะเร็งผิวหนังชนิด Squamous Cell Carcinoma เป็นโรคที่ป้องกันได้และรักษาหายได้หากตรวจพบในระยะเริ่มแรก การตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยง การดูแลผิวอย่างเหมาะสม และการตรวจผิวหนังเป็นประจำเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรักษาที่สำเร็จ สำหรับผู้ที่มีประวัติสัมผัสแดดนาน มีผิวขาว หรือมีรอยโรคก่อนมะเร็ง ควรให้ความสำคัญกับการพบแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ

หมายเหตุ: หากผู้อ่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือสงสัยว่ามีรอยโรคที่น่ากังวล ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเพื่อรับการวินิจฉัยและคำแนะนำที่เหมาะสม

แหล่งอ้างอิง

    1. skin cancer.org
    2. สมาคมโรคมะเร็งอเมริกา