หน้าหลัก | สุขภาพดี
| สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
ยารักษาคอพอกเป็นพิษ Propylthiouracil
ข้อควรระวังในการใช้ยารักษาคอพอกเป็นพิษ Propylthiouracil หากมีอาการดังต่อไปนี้ควรจะหยุดยาและแจ้งแพทย์
- ไข้ เจ็บคอ ปวดตามตัว
- ซีด มีจุดเลือดออกตามตัว มีจ้ำเลือดตามตัว
- ไอ หายใจลำบาก
- มีผื่นแดง หรือผื่นเป็นตุ่มน้ำ
- ปัสสาวะสีเข้ม ตัวเหลืองตาเหลือง
- ยานี้อาจจะทำให้เกิดตับอักเสบได้ดังนั้น ควรจะใช้ยานี้ในรายที่ไม่สามารถผ่าตัด หรือไม่สามารถให้น้ำแร่ หรือให้ยา methimazole
ก่อนจะใช้ยารักษาคอพอกเป็นพิษ Propylthiouracil นี้จะต้องแพทย์
- ประวัติแพ้ยาโดยเฉพาะแพ้ยานี้
- หากท่านมีโรคเลือดหรือโรคตับจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
- ก่อนผ่าตัด หรือถอนฟัน จะต้องแจ้งให้แพทย์และเภสัชทราบ
- ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- แจ้งให้แพทย์ทราบว่าท่านรับประทานยา หรือวิตามินโดยเฉพาะยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น warfarin ยากลุ่ม beta blockers เช่น atenolol, metoprolol, propranolol digoxin และ theophylline
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยารักษาคอพอกเป็นพิษ Propylthiouracil
ขนาดและวิธีการใช้ยารักษาคอพอกเป็นพิษ Propylthiouracil
- การเริ่มให้ยาจะพิจารณาจากขนาดของต่อมไทรอยด์ และอาการโดยทั่วไปเริ่ม 300 มก ต่อวันโดยแบ่งให้วันละ 3 ครั้ง
- หลังจากควบคุมอาการได้แล้วก็ลดขนาดยาเหลือวันละ 100-150 มก ต่อวัน
ผลข้างเคียงของยารักษาคอพอกเป็นพิษ Propylthiouracil
ผลข้างเคียงที่รุนแรง
- ผลกระทบต่อระบบโลหิตได้แก่ เม็ดเลือดขาวต่ำ (ทำให้เกิดอาการติดเชื้อได้ง่าย เช่นไข้ เจ็บคอ) ซีด
- แพ้ยามีไข้ ผื่นขึ้น
- ตับอักเสบ เบื่ออาหารแน่นท้อง ไข้ ปัสสาวะสีเข้ม อุจาระซีด ตัวเหลืองตาเหลือง
- หลอดเลือดอักเสบ
- ไตอักเสบ
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยแต่ไม่รุนแรง
- ผื่น
- ลมพิษ
- คลื่นไส้อาเจียน
- ปวดข้อ
- ผมร่วง
- มึนงง
ปฏิกิริยากับยาชนิดอื่น
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด warfarin ยา Methimazole จะเพิ่มยา warfarin ในเลือดดังนั้นจะต้องติดตามการแข็งตัวของเลือด
- ยา Propylthiouracil จะเพิ่มการขับถ่ายของยา betablocker ดังนั้นเมื่อคุมภาวะคอกพอกเป็นพิษได้ ควรจะลดขนาดยา betablocker
- ยาPropylthiouracil จะเพิ่มระดับยา digoxin ดังนั้นเมื่อคุมภาวะคอกพอกเป็นพิษได้ ควรจะลดขนาดยา
- ยาPropylthiouracil จะเพิ่มระดับยา Theophylline ดังนั้นเมื่อคุมภาวะคอกพอกเป็นพิษได้ ควรจะลดขนาดยา