โรคพาร์กินสัน Parkinson
โรคพาร์กินสันเป็นที่รู้จักกันมานานระยะหลังคนดังระดับโลกก็เป็นโรคนี้กันหลายคน เช่นประธานาธิบดีเรแกน มูอะมัดอาลี และดารา โรคนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกโดยแพทย์ชาวอังกฤษชื่อJame Parkinson ในปี ค.ศ.. 1817ซึ่งได้อธิบายกลุ่มอาการที่มีการสั่นของมือ และการเคลื่อนไหวน้อย ต่อมาปี ค.ศ..1960 ได้มีการค้นพบว่าเซลล์ของสมองไม่สามารถสร้างสารdopamine ได้อย่างเพียงพอ
สมองของคนประกอบไปด้วยส่วนต่างๆดังนี้
|
- forebrain หรือสมองส่วนควบคุมการเดิน
- brain stemหรือก้านสมอง ,cerebellum หรือสมองน้อย
- caudate nucleus
- putamen
- amygdaloid body
- substantia nigra
|
การทำงานของสมอง
- สมองส่วนหน้าหรือ forebrain ส่วนนี้จะทำหน้าที่คิด จำ
การควบคุมการเดิน อารมณ์ ความรู้สึก ทั้งหมดจะอยู่ที่สมองส่วนหน้า
- สมองน้อยหรือ cerebellum จะทำหน้าที่ประสานงานให้การทำงานของกล้ามเนื้อเป็นไปอย่างเรียบร้อย
และยังทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัว
- เนื้อสมองส่วน 3,4 เป็นส่วนที่ทำกล้ามเนื้อทำงานประสานกัน
เช่นเมื่อกล้ามเนื้อกลุ่มหนึ่งหดตัว กลุ่มตรงข้ามก็จะคลายตัว
โรคพาร์กินสันจะมีปัญหาการเสื่อมของสมองส่วนนี้ทำให้การสร้างสารdopamine น้อยลงคพาร์กินสันคืออะไร
โรคพาร์กินสันเป็นกลุ่มอาการที่ประกอบไปด้วย
- 1อาการสั่นTremor โดยมากสั่นที่มือ แขน ขา กราม หน้า
- 2อาการเกร็งRigidity จะมีอาการเกร็งของแขนและลำตัว
- 3การเคลื่อนไหวช้าหรือที่เรียกว่า Bradykinesia ผู้ป่วยจะมีการเคลื่อนไหวของร่างกายช้าลง
- 4การทรงตัวเสีย Postural instability
- ผู้ป่วยมักจะไม่มีการเคลื่อนไหวที่เป็นปกติ เช่นการยิ้ม การกระพริบตา การแกว่งแขน
- พูดลำบาก พูดช้าพูดลำบาก เสียงเบาไม่มีเสียงสูงหรือต่ำ
- กลืนลำบาก
โรคนี้เป็นโรคเรื้อรังและเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อโรคเป็นมากขึ้นผู้ป่วยจะเดินลำบาก
พูดลำบาก ไม่สามารถช่วยตัวเองได้
สาเหตุของโรคพาร์กินสัน
เซลล์สมอง[
neurone ]ในส่วนที่เรียกว่าsubstantia nigra จะสร้างสารเคมีที่เรียกว่าdopamine สารนี้จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมไปยังสมองส่วนที่เรียกว่า corpus striatum ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อมีกำลังและประสานกันได้อย่างดี
หากเซลล์สมองส่วนนี้ไม่สามารถสร้างสารดังกล่าวได้อย่างเพียงพอการทำงานของกล้ามเนื้อจะไม่ประสานงานกัน
มือจะกระตุก ไม่สามารถทำงานที่ต้องประสานงานของกล้ามเนื้อหลายๆมัด
สำสาเหตุที่ทำให้เซลล์เหล่านี้ตายก่อนวัยอันควรยังไม่ทราบ แต่เท่าที่สันนิฐานได้คือ
- พันธุ์กรรม
ผู้ที่มีญาติสายตรงคนหนึ่งเป็นจะมีความเสี่ยงเพิ่ม 3 เท่า
หกมีสองคนความเสี่ยงเพิ่มเป็น 10 เท่า
- อนุมูลอิสระFree radicle จะทำลายเซลล์ประสาทส่วนนี้
- มีสารพิษหรือToxin ซึ่งอาจจะได้รับจากอาหารหรือสิ่งแวดล้อมเช่น
ยาฆ่าแมลง ทำลายเซลล์ประสาทส่วนนี้ carbon monoxide, alcohol, and mercury
- พันธุกรรมโดยพบว่าผู้ป่วยร้อยละ15-20 มีประวัติครอบครัวเป็นโรคพาร์กินสัน
นอกจากนี้ยังพบว่าหากมีการกลายพันธ์(mutation )ของโครโมโซมคู่ที่ 4 และ6ก็ทำให้เกิดโรคพาร์กินสัน
- เซลล์แก่ไวเกินไปโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ
นักวิจัยเชื่อการเกิดโรคนี้ต้องมีปัจจัยหลายอย่างประกอบกันเริ่มแรกของโรคพาร์กินสันเป็นอย่างไร
เนื่องจากโรคนี้จะค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นผู้ป่วยอาจจะไม่ทราบ
บางคนอาจจะมีอาการปวดตามตัว เพลีย สั่นหรือลุกยาก
ส่วนใหญ่มักจะวินิจฉัยได้จากการสังเกตของคนใกล้ชิดว่ามีอาการผิดปกติเช่น
ใบหน้าไม่ยิ้ม มือสั่น เคลื่อนไหวของมือหรือแขนน้อย
อาการของโรคพาร์กินสัน
เมื่อโรคเป็นมากขึ้นผู้ป่วยก็จะเกิดอาการชัดเจนขึ้น อาการของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันอาการที่สำคัญได้แก่
- อาการสั่นTremor อาการสั่นของผู้ป่วยพาร์กินสันจะมีลักษณะเฉพาะ คือ
จะมีการสั่นไปมาไของนิ้วหัวแม่มือและนิ้วอื่นประมาณ 3 ครั้งต่อวินาที
คนที่ช่างสังเกตบอกอาการสั่นเหมือนกับคนกำลังปั้นเม็ดยาpill
rolling โดยมากอาการสันมักจะเกิดที่มือ แต่ก็มีผู้ป่วยส่วนหนึ่งเกิดที่เท้า
หรือกราม อาการสั่นจะเป็นขณะพัก จะเป็นมากเมื่อเกิดอาการเครียด
อาการสั่นจะหายไปเมื่อเวลานอนหลับ หรือเมื่อเรากำลังใช้งาน
อาการสั่นจะเป็นข้างหนึ่งก่อน เมื่อโรคเป็นมากจึงจะเป็นทั้งตัว
- อาการเกร็งRigidity คนปกติเมื่อเวลาเคลื่อนไหวจะมีกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง
และกล้ามเนื้อด้านตรงข้ามจะมีการคลายตัว โรคพาร์กินสันกล้ามเนื้อไม่มีการคลายตัวจึงทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปด้วยความลำบาก
หากเราจับมือผู้ป่วยเคลื่อนไหวจะมีแรงต้านเป็นระยะเหมือนกับมีดสปริงcogwheel rigidity
- อาการเคลื่อนไหวช้าBradykinesia ผู้ป่วยจะเคลื่อนไหวช้าและลำบาก งานประจำที่สามารถทำเองได้แต่ต้องใช้เวลามาก
- สูญเสียการทรงตัวPostural instability ผู้ป่วยจะเดินหน้าถอยหลัง เวลาเดินจะเดินก้าวเล็กซอยถี่ๆ ทำให้หกล้มได้ง่าย
อาการอื่นของโรคพาร์กินสัน
- ซึมเศร้าDepression
- อารมณ์แปรปรวนเนื่องจาก
- เคียวอาหารและกลืนอาหารลำบาก
เนื่องจากการทำงานของกล้ามเนื้อเกี่ยวกับการกลืนทำงานไม่ประสานงานกัน
- มีปัญหาในการพูด พูดเสียงจะเบาไม่ค่อยมีเสียงสูงหรือต่ำ พูดติดอ่าง บางที่ก็พูดเร็ว
- มีปัญหาเรื่องท้องผูก
- กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- เนื่องจากผู้ป่วยไม่ค่อยได้ล้างหน้า ผิวหน้าจะมันและมีรังแค
- มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ หลับยาก ฝันร้าย
โรคพาร์กินสันชนิดอื่นๆ
- โรคพาร์กินสันที่เกิดจากยาเช่นยารักษาทางจิตเวช Chlorpromazine,haloperidol,metoclopamide ,reserpine เมื่อหยุดยาอาการจะกลับปกติ
- โรคพาร์กินสันที่เกิดจากสารพิษ เช่น manganese dust, carbon
disulfide, carbon monoxide
- โรคพาร์กินสันที่เกิดจากเส้นเลือดสมองตีบ
ผู้ป่วยจะมีความจำเสื่อม ไม่ค่อยมีมือสั่น ใช้ยามักจะไม่ได้ผล
- โรคพาร์กินสันที่เกิดจากสมองอักเสบ ัยเสี่ยงของการเกิดโรค
- อายุ
หากมีอายุมากก็เสี่ยงที่จะเกิดโรค
- กรรมพันธุ์
หากมีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคนี้ 2 คนคุณมีโอกาสเป็นโรคนี้เพิ่ม 10 เท่า
- ผู้ที่ต้องสัมผัสยาฆ่าแมลงหรือยาฆ่าวัชพืช
โดยพบโรคนี้มากในชาวนาชาวไร่ที่ดื่มน้ำจากบ่อ
- ผู้ที่มีระดับestrogen ต่ำ เช่นผู้ที่ตัดรังไข่และมดลูก
ผู้ที่วัยทองก่อนกำหนด จะมีโอกาสเป็นโรคนี้สูง
หากได้รับฮอร์โมนจะช่วยลดการเกิดโรคนี้
- มีรายงานว่าการขาดกรดโฟลิกจะเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคนี้ ินิจฉัย
ในระยะเริ่มแรกทำได้ยาก
การวินิจฉัยทำได้โดยการตรวจร่างกายเท่านั้น การเจาะเลือดหรือการx-ray ไม่ช่วยในการวินิจฉัยนอกจากนั้นอาการเดินลำบาก
อาการสั่นมักจะเกิดในผู้สูงอายุ ที่สำคัญอย่าแจ้งชื่อยาที่รับประทานให้แพทย์ทราบ
หน้าที่2