หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
โรคพิษสุนัขบ้า [Rabies] เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโดยมากเกิดจากถูกสัตว์กัด หรือข่วนเชื้อจากน้ำลายของสัตว์เข้าได้ทางผิวหนังที่เป็นแผลเป็น หรือรอยขีดข่วนหรือทางเยื่อเมือกต่างๆโดยมีอัตราการตายสูงมากหากรอจนเกิดอาการจึงต้องป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนไว้ก่อน หากสงสัยว่าสัตว์ที่กัดอาจมีเชื้ออยู่ระยะฟักตัวของหลังการได้รับเชื้อนานประมาณ30-90
วันโดยอาจมีอาการไม่จำเพาะนำมาก่อน10 วันแล้วจึงตามด้วยอาการของระบบประสาท เช่น อาการวุ่นวาย สับสน อาการเกร็งของกล้ามเนื้อคอทำให้กลืนน้ำลำบาก มีไข้ เวลาถูกลมจะมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อใบหน้า ชัก และอัมพาตของกล้ามเนื้อต่างๆ และเสียชีวิต ระยะฟักตัวอาจจะสั้นเพียง 10 วันถ้าแผลนั้นอยู่บริเวณใบหน้า คอ แขน หลังถูกกัดเชื้อยังอยู่บริเวณแผลระยะหนึ่งก่อนซึ่งการให้ rabies immune globulin ที่บริเวณแผลอาจช่วยกำจัดเชื้อได้ เชื้อไวรัสจะเดินทางตามเส้นประสาท
วัคซีนเตรียมจากเชื้อไวรัสโดยการทำให้ตายไม่ก่อให้เกิดโรคแต่ยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นได้มีหลายชนิดดังนี้
วัคซีนแต่ละชนิดมีประสิทะภาพใกล้เคียงกันการเกิดอาการแพ้อาจเกิดขึ้นได้ขึ้นกับขวานการแยกแอนติเจน
การให้วัคซีนเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต้องใช้เวลาซึ่งอาจไม่ทันการณ์ในผู้ป่วยบางรายเช่น ถูกกัดบริเวณใบหน้า หรือคอ เป็นแผลลึก การให้ RIG ร่วมด้วยและให้ทันพบอัตราการตายน้อยควรฉีด RIGพร้อมกับวัคซีนเข็มแรกในขนาด 20 IU/นน.1กก ของ human RIG(เซรุ่มทำจากเลือดคน) หรือ 40 IU eguine RIG (เซรุ่มทำจากเลือดม้า) โดยครึ่งหนึ่งฉีดรอบแผลอีกครึ่งหนึ่งฉีดเข้ากล้ามหาฏไม่สามารถฉีด RIG พร้อมกับวัคซีน ก็สามารถฉีด RIG หลังวัคซีนได้ 7 วัน
การทำความสะอาดแผล
ควรทำความสะอาดบาดแผลที่ถูกกัดหรือถูกข่วนด้วยน้ำสะอาดและสบู่หรือผงซักฟอกแล้วเช็ดแผลด้วยแอลกอฮอล์ 70%และใส่ยา povidone-iodineขั้นตอนนี้สำคัญมากเพราะเป็นการลดจำนวนเชื้อและควรฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก
Postexposure Prophylaxis
แนวทางพิจารณาว่าควรฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าหรือไม่
อาการข้างเคียง
ผู้ที่ได้รับวัคซีนอาจมีอาการปวด บวม แดง และคันบริเวณที่ฉีด
โรคพิษสุนัขบ้า