วัคซีนป้องกันหัดคางทูมหัดเยอรมัน>MMR

ทำไมต้องให้วัคซีนป้องกันหัดคางทูมหัดเยอรมัน เนื่องจากวัคซีนนี้สามารถป้องกันโรค

  • หัด [Measle] ซึ่งทำให้เกิดไข้ ผื่น จาม น้ำมูกไหล ระคายตาและอาจทำให้เกิดหูชั้นกลางอักเสบ ปอดบวนและชัก
  • หัดเยอรมัน [Rubella] ทำให้เกิดไข้ ผื่นและข้ออักเสบถ้าหญิงได้รับเชื้อนี้ขณะตั้งครรภ์อาจทำให้เด็กเกิดมาพิการ
  • คางทูม [Mump] ทำให้ต่อมน้ำลายโต อัณฑะอักเสบ

ใครควรได้วัคซีนป้องกันหัดคางทูมหัดเยอรมัน

  • เด็กควรได้รับ2เข็ม ขณะอายุ12-15เดือนและเข็มที่2ขณะอายุ4-6ขวบ
  • สตรีวัยเจริญพันธุ์ทุกคนที่ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือมีภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันแนะนำให้ฉีดโดยไม่ต้องเจาะหาภูมิ
  • บุคคลทางการแพทย์ที่เริ่มเข้าทำงาน
  • บุคคลที่เข้าเป็นทหาร
  • บุคคลที่จบมัธยมและเข้าเรียนในสถานบันใหม่

ใครไม่ควรฉีดวัคซีนป้องกันหัดคางทูมหัดเยอรมัน

  1. แพ้วัคซีน MMR,gelatin,neomycin
  2. หญิงตั้งครรภ์ ควรคุมกำเนิด3เดือนหลังฉีด
  3. ไม่ควรฉีดขณะป่วย
  4. ผู้ป่วยดังต่อไปนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด โรคเอดส์ มะเร็ง ผู้ป่วยที่ได้รับsteroid เคมีบำบัด ผู้ป่วยที่เคยได้เลือดหรือ immonoglobulin มาก่อน 
  5. ผู้ป่วยที่มีเกล็ดเลือดต่ำ

ผลข้างเคียงของวัคซีนป้องกันหัดคางทูมหัดเยอรมันมีอะไรบ้าง

  • ผลข้างเคียงเล็กน้อย พบว่ามีไข้ ผื่น และต่อมน้ำลายโตมักพบ7-12วันหลังฉีด
  • ผลข้างเคียงที่อาจพบได้คือ ชักพบได้1ใน3000 ปวดข้อพบได้1ใน4ของผู้ป่วย เกล็ดเลือดต่ำพบได้1ใน30000
  • ผลข้างเคียงที่รุนแรงพบได้น้อยมากเช่นชัก หูน้ำหนวก สมองพิการ

โรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน

 

เพิ่มเพื่อน