การรักษาผู้ที่มีอาการแน่นท้องที่ยังไม่ได้หาสาเหตุ
แนวทางที่จะจัดการกับผู้ป่วยที่มีอาการแน่ท้องที่ยังไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยมีดังนี้
- ให้การรักษาด้วยยาลดกรดแล้วจึงตรวจหาสาเหตุเมื่อการรักษาไม่ได้ผลEmpiric antisecretory therapy แล้วจึงทำ investigation เมื่อไม่ได้ผลจากการรักษา
- การส่องกล้องตรวจ Early endoscopy
- Test and Investigate” คือ ตรวจหา H. pylori ด้วยวิธี non-invasive เช่น urea breath test (UBT) หรือ serology แล้วจึงทำการส่องกล้องในรายที่ได้ผลการทดสอบเป็นบวก
- Test and treat” คือ ตรวจหา H. pylori ด้วยวิธี non-invasive ก่อนแล้วให้การกำตัดเชื้อในรายที่ผลเป็นบวก
ให้การรักษาด้วยยาลดกรดแล้วจึงตรวจหาสาเหตุเมื่อการรักษาไม่ได้ผล Empiric antisecretory therapy
จากการศึกษาพบว่าการให้ยาลดกรด(omprazole 10 mg ต่อวัน )จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นร้อยละ 41 และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นร้อยละ 15 การให้ยาแบบครอบคลุม(Empyrical treatment)จะให้ใน
- ผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า55ปี
- ไม่มีสัญญาณอันตราย
- อาการไม่ได้เกิดจากยาใดๆ
- และอาการไม่ดีขึ้นหลังได้รับคำแนะนำเรื่องอาหารและการปฏิบัติตัว
อาจพิจารณาให้ยาแบบครอบคลุม ได้แก่
- ยาที่ออกฤทธิ์ลดการหลั่งกรด โดยเลือกใช้หากอาการปวดท้อง (Epigastric pain) หรือแสบท้อง (Epigastric burning) เป็นอาการเด่น
- ยากลุ่ม prokinetic ได้แก่ยา Metoclopamide และยาcissaprideเลือกใช้หากอาการแน่นหลังกินอาหาร (Post-prandial fullness) หรืออาการอิ่มเร็ว(Early satiation)เป็นอาการเด่น
หากไม่ตอบสนองต่อยากลุ่มแรกหลังได้ยาเป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ พิจารณาเปลี่ยนเป็นยาอีกกลุ่มหนึ่งได้ กรณีที่ผู้ป่วยมีทั้งอาการปวดหรือแสบและแน่นท้องรุนแรงใกล้เคียงกัน อาจพิจารณาให้ยาทั้งสองกลุ่มร่วมกันได้
การส่องกล้อง Early endoscopy
การส่องกล้องจะทำให้ทราบสาเหตุของอาการแน่นท้อง หรืออาหารไม่ย่อย และสามารถแยกโรคร้ายแรงเช่นมะเร็งทางเดินอาหาร แต่เนื่องจากแพทย์ที่สามารถส่องกล้องได้มีจำนวนจำกัด ดังนั้นการคัดเลือกผู้ป่วยที่รักษาแล้วไม่ดีขึ้นหรือมีภาวะที่อาจจะเป็นโรคร้ายดพื่อส่องกล้องน่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสม แต่หากทำได้ก็น่าจะส่องกล้องก่อนการรักษา
Test and treat strategy
การทดสอบหาเชื้อ H. pylori ซึ่งสามารถทดสอบได้จากการหายใจ การตรวจอุจาระ หรือการตรวจเลือดเพื่อหาภูมิต่อเชื้อหากพบเชื้อก็ให้การรักษาพบว่าผู้ป่วยจำนวนหนึ่งดีขึ้นเนื่องจากผู้ป่วยร้อยละ50จะมีเชื้อนี้อยู่
สรุปแนวทางการรักษาอาการ Dyspsia
- หากท่านอายุไม่มาก และไม่มีอาการบ่งบอกว่าจะเป็นมะเร็ง ท่านอาจจะซื้อยาลดก๊าซรับประทาน เช่น ผงถ่าน Air-X
- ยาเพื่อลดกรด เช่น cimetidine,ranitidine,famotidine
- ยาลดกรดกลุ่ม Proton pump inhibitor เช่น omeprazole
- ยาที่เพิ่มแรงบีบของหูดรูดของหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร เช่น metoclopamide,Domperidone
- ยาปฏิชีวนะสำหรับฆ่าเชื้อ H.polori
คำแนะนำการปฏิบัติตัว
- หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำให้อาการกำเริบ เช่น อาหารเผ็ด รสจัด ของหมักดอง น้ำอัดลม กาแฟ โกโก้และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- งดหรือลดการสูบบุหรี่
- ลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- หลีกเลี่ยงการใส่กางเกง กระโปรงหรือคาดเข็มขัดที่รัดแน่นเกินไป
- ไม่ควรเข้านอนทันทีหลังกินอาหารอิ่มใหม่ๆ ควรรออย่างน้อย2-3ชั่วโมง
- ออกกำลังกายแบบแอโรบิคอย่างสม่ำเสมอ 20-40นาทีต่อครั้ง3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ และไม่ควรออกกำลังกายทันทีหลังกินอาหาร
- เคี้ยวอาหารให้ละเอียด
- ไม่ควรเร่งรีบรับประทานอาหาร
- จัดการเรื่องความเครียด