การรักษามะเร็งปากมดลูก
การรักษามะเร็งปากมดลูก precancerous
การรักษาขึ้นกับปัจจัยหลายประการได้แก่
ลักษณะ precancerous ว่าเป็น low หรือ high-SIL
ผู้ป่วยมีบุตรพอหรือยัง
สุขภาพผู้ป่วย
ความต้องการของผู้ป่วยและแพทย์
โดยทั่วไม่
- หากผลการตรวจพบว่าเป็น low-grade SIL
ก็แนะนำให้มาตรวจภายในซ้ำ ใน 6 เดือนถึงสองปี แต่แพทย์บางท่านอาจจะตรวจพิเศษแบบ colposcopy โดยการส่องกล้องตรวจ
- สำหรับผลการตรวจ PAP เป็นแบบชนิด high-SIL แนะนำให้ตรวจพิเศษ colposcopy และตักชิ้นเนื้อตรวจ หากผลชิ้นเนื้อเป็นแบบเดียวกันก็แนะนำผ่าตัดเอาออกเนื้อจนหมด
- ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจประจำปี
ถ้าจำเป็นต้องรักษาแพทย์อาจเลือกวิธีรักษาได้หลายวิธีคือ
การใช้ความเย็น (cryosurgery)ใช้ไฟจี้( cauterization) ใช้ laser
การรักษามะเร็งปากมดลูก
หลังจากทราบว่าเป็นมะเร็ง แพทย์จะตรวจต่อเพื่อตรวจว่าโรคมีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น หรือยังโดยแพทย์จะตรวจ
- เจาะเลือดตรวจเลือดทั่วไป( CBC )เพื่อดูว่าซีดหรือไม่
เกล็ดเลือดปกติหรือไม่
ตรวจการทำงานของไต (BUN
,CREATININ)
เนื่องจากมะเร็งปากมดลูกอาจแพร่กระจายอุดทางเดินของปัสสาวะทำให้ไตวาย
ตรวจตับ (LFT) เนื่องจากมะเร็งมักจะแพร่กระจายไปยังตับ
- แพทย์จะส่องตรวจกระเพาะปัสสาวะ cystoscopy ,ตรวจลำไส้ใหญ่ (proctosigmoidoscopy)
โดยใช้อุปกรณ์ส่องเข้าไปตรวจ
- แพทย์จะตรวจสวนสีตรวจลำไส้ใหญ่ barium enema เพื่อตรวจว่ามะเร็งแพร่ไปลำไส้ใหญ่หรือยัง
- แพทย์จะฉีดสีเพื่อตรวจไต
{intravenous pyelogram,IVP }เพื่อตรวจว่ามะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อไตหรือยัง
- ตรวจ computer
x-ray,ultrasound เพื่อตรวจอวัยวะอื่นดูการแพร่กระจายของมะเร็ง
ก่อนการรักษาใดๆผู้ป่วยควรได้รับข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจดังตัวอย่าง
- มะเร็งที่เป็นอยู่นี้แพร่กระจายหรือยัง
- วิธีการรักษาที่ดีทีสุด
แพทย์เลือกวิธีไหน
ทำไมจึงเลือกดวิธีนี้
- โอกาสจะประสบผลสำเร็จมีมากน้อยเพียงใด
- มีโอกาสเสี่ยงอะไรบ้าง
ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง
- ใช้เวลารักษานานเท่าใด
- ใช้ค่าใช้จ่ายแค่ไหน
- ถ้าไม่รักษาจะเป็นเช่นใด
- จะมีคุณภาพชีวิตเหมือนคนปกติหรือไม่
- ต้องตรวจซ้ำบ่อยแค่ไหน
วิธีการรักษามะเร็งปากมดลูก
- การผ่าตัด
ถ้ามะเร็งอยู่เฉพาะปากมดลูกอาจจะตัดแค่บริเวณปากมดลูก
แต่ถ้ามะเร็งแพร่กระจายมากแพทย์อาจจะตัดมดลูก
ท่อรังไข่ รังไข่
รวมทั้งต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง
- การให้รังสีรักษาทำได้
2 วิธี
- โดยการให้รังสีรักษาจากเครื่องแพทย์จะให้รังสีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
5วัน/สัปดาห์เป็นเวลา 5-6
สัปดาห์
- โดยการฝังแร่อาบรังสีบริเวณปากมดลูกฝังแต่ละครั้งนาน
1-3
วันต้องอยู่โรงพยาบาลใช้เวลารักษา
1-2 สัปดาห์
- การให้เคมีบำบัด
โดยการให้เคมีเข้าในเลือดเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
- การสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อให้ภูมิคุ้มกันทำลายมะเร็ง
ยาที่ใช้บ่อยคือ interferon
ผลข้างเคียงของการรักษามะเร็งปากมดลูก
- การผ่าตัด
หลังการผ่าตัดมักจะมีอาการปวด
เลือดออก
ถ้าต้องตัดมดลูกผู้ป่วยอาจจะปัสสาวะและอุจาระลำบากต้องคาสายสวนปัสสาวะไว้ระยะหนึ่ง
ผู้ป่วยควรพักระยะหนึ่งเพื่อให้แผลหาย
จะมีเพศสัมพันธ์หลังผ่า 4-8
สัปดาห์
ผู้ป่วยที่ตัดมดลูกยังคงมีอารมณ์ทางเพศปกต ิแต่อาจมีปัญหาทางจิตใจกังวลว่าไม่สามารถมีบุตรได้คู่ครองควรที่จะช่วยกันปลอบใจและให้กำลังใจ
- การให้รังสีรักษา
ระหว่างการให้รังสีรักษาผู้ป่วยจะเพลีย
ไม่มีแรง เบื่ออาหาร ผมร่วง
ผิวบริเวณที่สัมผัสรังสีจะมีสีน้ำตาล
ห้ามทาโลชั่น
อาการต่างๆจะหายไปหลังหยุดการรักษา
การร่วมเพศอาจจะลำบากเนื่องจากช่องคลอดจะแคบและแห้งต้องใช้ครีมหล่อลื่นช่วย
นอกจากนี้อาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะและถ่ายเหลว
- การให้เคมีบำบัด จะฆ่าเซลล์ที่แบ่งตัวเร็ว
- ซีด เม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำทำให้เหนื่อยง่าย ติดเชื้อง่าย และเลือดออกง่าย
- ผมร่วง
- เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน
- เป็นหมัน
- การสร้างภูมิคุ้มกัน ผลข้างเคียงมีไม่มาก มีอาการคล้ายไข้หวัดปวดตามตัว คลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วง
การป้องกันมะเร็งปากมดลูก
สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดแต่พบว่ามีหลายปัจจัยเป็นความเสี่ยง
- หลีกเลี่ยงการติดเชื้อ HPV
- งดการมีเพศสัมพันธุ์ตั้งแต่อายุน้อย
- ไม่สำส่อนทางเพศ
- ไม่มีเพศสัมพันธุ์กับคนที่มีคู่นอนหลายคน
- ไม่มีเพศสัมสัมพันธุ์กับคนที่ยังไม่ได้คลิบอวัยวะเพศhaving sex with uncircumcised males
- การมีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ18 ปีและการมีสำส่อนทางเพศ เชื่อว่าเกิดจากเชื้อไวรัส human papillomaviruses
- สวมถุงยางอนามัยเมื่อจะมีเพศสัมพันธุ์
- การสูบบุหรี่
- การได้รับยาคุมกำเนิด diethylstilbestrol ระหว่างตั้งครรภ์
- ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- การได้รับวิตามิน A
ป้องกันมะเร็งได้แต่ต้องศึกษาเพิ่มเติม
- การออกกำลังกายและพักผ่อนอย่างพอเพียงจะช่วยป้องกันโรคได้
- การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะมีส่วนช่วยให้ท่านเข้าใจและสามารถสอบถามข้อมูลที่จำเป็นในการตัดสินใจรักษา