หัวใจโต
ภาวะหัวใจโต: ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
ภาวะหัวใจโต หรือ Cardiomegaly ไม่ได้หมายถึงหัวใจที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาขึ้นหรือห้องหัวใจขยายใหญ่ขึ้น ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ภาวะนี้อาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจร้ายแรง และเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของเรา
สาเหตุของภาวะหัวใจโต
ภาวะหัวใจโตมีสาเหตุหลายประการ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ
-
ภาวะที่หัวใจทำงานหนักขึ้น
- ความดันโลหิตสูง:ความดันโลหิตสูง ภาวะความดันโลหิตสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจหนาขึ้น
- โรคหลอดเลือดหัวใจ: หลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงหัวใจตีบแคบ ทำให้หัวใจขาดเลือดและต้องทำงานหนักขึ้น
- โรคลิ้นหัวใจ: ไม่ว่าจะลิ้นหัวใจตีบหรือลิ้นหัวใจรั่ว หรือมีการอักเสบติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ ทำให้เลือดไหลผ่านหัวใจได้ไม่สะดวก หัวใจจึงต้องทำงานหนักขึ้น
- โรคอ้วน: ภาวะอ้วนทำหัวใจทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายที่มากขึ้น
- การตั้งครรภ์: ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้น ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น
- ผู้ที่มีโลหิตจางหรือซีดเป็นเวลานาน
- โรคของต่อมไทรอยด์ไม่ว่าต่อมจะทำงานมากไปหรือน้อยไปก็ทำให้เกิดหัวใจโต
-
ภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจ: โรคที่ส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อหัวใจโดยตรง ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอลง
- โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด: ความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจตั้งแต่เกิด
- โรคอะไมลอยด์โดซิส: โรคที่โปรตีนอะไมลอยด์สะสมในอวัยวะต่างๆ รวมทั้งหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ
- โรคฮีโมโครมาโตซิส: โรคที่ร่างกายมีธาตุเหล็กสะสมมากเกินไป ทำให้หัวใจเสียหาย
- ผู้ที่เป็นโรคหัวใจเต้นผิดปกติก็จะทำให้หัวใจโต
- สำหรับท่านที่รับประทานธาตุเหล็กมากไปจะมีการสะสมธาตุเหล็กเกิดโรค hemochromatosis
- มีความผิดปกติเกี่ยวกับโปรตีนทำให้มีการสะสมโปรตีนในกล้ามเนื้อหัวใจที่เรียกว่า Amyloidosis
- โรคของกล้ามเนื้อหัวใจเอง ที่เรียกว่า cardiomyopathy เช่นผู้ที่ดื่มสุราเป็นเวลานานกล้ามเนื้อหัวใจจะถูกทำลายทำให้หัวใจโต
อาการของคนที่หัวใจโต

ขนาดหัวใจปกติ

ขนาดหัวใจโต
ผู้ป่วยหัวใจโตบางรายอาจไม่มีอาการใดๆ ในระยะแรก แต่เมื่อหัวใจทำงานหนักขึ้นและสูบฉีดเลือดได้น้อยลง อาจเริ่มมีอาการดังนี้
- หายใจลำบาก: หายใจถี่ หายใจไม่อิ่ม โดยเฉพาะขณะออกแรง
- เหนื่อยง่าย: อ่อนเพลีย เหนื่อยล้ากว่าปกติ
- หายใจเร็ว
- ไอโดยเฉพาะเวลานอน
- นอนราบไม่ได้เนื่องจากแน่หน้าอก
- เจ็บหน้าอก: รู้สึกแน่นหน้าอก หรือเจ็บหน้าอกข้างซ้าย
- ใจสั่น: รู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะ เต้นเร็ว หรือเต้นแรง
- เท้าบวม: มีอาการบวมบริเวณเท้าและข้อเท้าบวมบริเวณเท้าตอนสายๆ
- วิงเวียนศีรษะ: หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ เป็นลม
ท่านจะต้องประเมินอาการของท่านให้ดีเพราะบางครั้งอาการต่างๆค่อยๆเป็นไปจนกระทั่งคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ท่านอาจจะเปรียบเทียบกับคนที่อยู่ในวัยเดียวกับท่านและมีวิถีชีวิตเหมือนกับท่านว่าท่านมีอาการต่างๆมากกว่าเขาหรือเปล่า
หากมากกว่าหรือท่านไม่แน่ใจให้ไปพบแพทย์เพื่อประเมิน
เมื่อไรโรคหัวใจโตจะไปพบแพทย์
ท่านควรจะไปพบแพทย์เมื่ออาการนั้นเกิดขึ้นใหม่ หรืออาการของท่านกำเริบมากขึ้น อาการที่ต้องไปพบแพทย์คือ
- เจ็บแน่นหน้าอก
- เหนื่อยง่าย แรกๆอาจจะเดินขึ้นบันไดไม่ได้ ต่อมาเดินพื้นราบก็เหนื่อย หากเป็นมากจะเหนื่อยขณะพักเฉยๆ อ่านเรื่องหัวใจวาย
- หายใจลำบาก หายใจเร็ว
- หน้ามืดเป็นลม
การวินิจฉัยภาวะหัวใจโต
แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัยภาวะหัวใจโต ซึ่งอาจมีการตรวจดังนี้
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram: ECG): ตรวจการทำงานของหัวใจ
- การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อน (Echocardiogram): ตรวจโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ
- การถ่ายภาพรังสีทรวงอก (Chest X-ray): ดูขนาดของหัวใจและภาวะอื่นๆ ในทรวงอก
- การตรวจเลือด: ตรวจหาค่าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ
การรักษาภาวะหัวใจโต
การรักษาภาวะหัวใจโตขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ หากสาเหตุเกิดจากโรคที่สามารถรักษาได้ การรักษาสาเหตุนั้นๆ จะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ แพทย์อาจพิจารณาให้ยาเพื่อควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น
- ยาขับปัสสาวะ: ช่วยลดปริมาณน้ำในร่างกาย
- ยาลดความดันโลหิต: ช่วยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
- ยาควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ: ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ
การป้องกันภาวะหัวใจโต
- ควบคุมความดันโลหิต: ตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ และรักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
- ควบคุมระดับไขมันในเลือด: ลดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ควบคุมน้ำหนัก: รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: ออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ทำลายหลอดเลือดและเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ
- จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปเป็นอันตรายต่อหัวใจ
สรุป
ภาวะหัวใจโตเป็นภาวะที่อันตรายและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ การดูแลสุขภาพหัวใจให้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณมีอาการที่สงสัย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
หลายท่านเมื่อไปตรวจกับแพทย์จะบอกกับท่านว่าหัวใจโต ซึ่งแพทย์อาจจะบอกกับท่านหลังจากตรวจร่างกายหรือดู x ray แล้วจึงบอกกับท่านว่าหัวใจโต ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำให้เกิดความวิตกกังวลเป็นอันมาก คำว่าหัวใจโตไม่ใช่โรคเป็นเพียงสิ่งที่ตรวจพบจากการตรวจร่างกายหรือการดู x ray แพทย์จำเป็นต้องตรวจวินิจฉัยอย่างอื่นเพื่อหาสาเหตุของหัวใจโต
จะป้องกันหัวใจโตได้อย่างไร
การป้องกันหัวใจโตจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดโรคที่ทำให้หัวใจโตแนวทางป้องกันมีดังนี้
โรคหัวใจโต โรคแทรกซ้อนของหัวใจโต การรักษาหัวใจโต
