หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน

โรคฝีดาษ Smallpox

โรคฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจาก poxvirus มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว และมีอาการทั่วไปรุนแรง โรคนี้ระบาดในประเทศ อินเดีย บังคลาเทศ ปากีสถานและเอธิโอเปียเมื่อปี พ.ศ 2519 สำหรับประเทศไทยมีการบันทึกไว้ว่าระบาดครั้งสุดท้ายปี 2504องค์การอนามัยโลกได้เลิกฉีดวัคซีนตั้งแต่ปี ค.ศ 1970แต่ที่มีความกังวลว่า จะมีการนำเชื้อนี้มาใช้ในสงคราม ประเทศรัสเซียได้มีการพัฒนาเชื้อชนิดนี้ไว้ใช้ในสงคราม เมื่อประเทศรัสเซียล่มสลายคาดว่าจะมีการเล็ดรอดของเชื้อนี้ไปยังประเทศอื่น

โรคฝีดาษกำลังเป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างแพร่หลาย เนื่องโรคนี้ได้ถูกนำมาใช้ในสงครามเชื้อโรค จนกระทั่งประเทศอเมริกาได้แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนแก่ประชานสำหรับประเทศไทยแม้ว่ายังห่างไกลจากแหล่งที่คาดว่าจะมีการนำเชื้อนี้มาใช้ แต่ก็ไม่ควรตั้งอยู่ในความประมาท เนื่องปัจจุบันการเดินทางของคนไม่มีขอบเขตจำกัดทำให้อาจจะมีการระบาดมาถึงประเทศไทย จึงควรที่จะเรียนรู้รู้นี้ไว้

สาเหตุโรคฝีดาษ

เป็นไวรัส DNA เชื้อที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษมี 2 ชนิดคือ variolar majorทำให้เกิดโรคฝีดาษซึ่งมีอาการรุนแรงและมีอัตราการตายสูงประมาณ1ใน3 variolar minor ทำให้เกิดโรค alastrim ซึ่งอาการไม่รุนแรงเท่า และอัตราการตายต่ำ เชื้ออยู่ในสะเก็ดได้เป็นปี เชื้อถูกฆ่าตายที่อุณหภูมิ 60 องศา.ซ นาน 10 นาที

การติดต่อโรคฝีดาษ

เป็นโรคติดต่อร้ายแรง แต่การติดต่อไม่ง่ายเท่าในโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ มักจะต้องมีการสัมผัสใกล้ชิด ผู้ป่วยจะไอ จาม หรือแม้ขณะพูดจะมีเชื้อแพร่ออกมาทางอากาศ และผู้ติดโรคจะหายใจเอาเชื้อเข้าไป นอกจากนี้อาจจะติดต่อโดยการได้รับเชื้อซึ่งอยู่ในเสื้อผ้าหรือที่นอน ผ้าห่ม เสื้อผ้าของผู้ป่วย ผู้ป่วยโรคนี้สามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนมีผื่น

อาการของโรค

ระยะฟักตัวค่อนข้างจะคงที่ จากการติดเชื้อจนมีอาการกินเวลา 7-17วันและเริ่มมีผื่นขึ้น 14 วัน แต่อาจจะเร็วถึง 9 วันหรือนานถึง 21 วันหลังจากระยะฟักตัวก็จะเกิด

อาการนำโรคฝีดาษ คลิกดูภาพ

เริ่มด้วยปวดศีรษะ สะท้าน ปวดหลัง ปวดตามกล้ามเนื้อแขนขา ไข้จะขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว สูงไดถึง 41-41.5องศา ในเด็กจะมีอาเจียน ชัก และหมดสติ ในผู้ป่วยบางรายอาจจะมีผื่นแดงเกิดขึ้นใน 2 วันแรก ผื่นมักจะขึ้นบริเวณแขนหรือขา

ระยะออกผื่น

ประมาณวันที่ 3 หลังมีไข้ ผื่นที่แท้จริงของฝีดาษจะเริ่มปรากฏขึ้นจะเริ่มที่หน้าหน้า แล้วไปที่แขน หลัง และขา ผื่นมักเป็นมากบริเวณที่ผิวหนังตึง เช่นที่ข้อมือ โหนกแก้ม สะบัก เป็นต้น ผื่นจะขึ้นเต็มที่ภายในเวลา 2 วัน ไข้จะเริ่มลงในวันที่ 2-3 หลังผื่นขึ้น และอาการต่างๆจะดีขึ้น ลักษณะผื่น จะเริ่มเป็นผื่นขนาดหัวเข็มหมุด และโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในวันที่2 และกลายเป็นตุ่มน้ำในวันที่ 3 ใส ในวันที่ 5 จะเป็นตุ่มน้ำขุ่น การเปลี่ยนแปลงของผื่นจะเป็นไปพร้อมกันทั้งตัว ในวันที่ 8 ผื่นจะเริ่มแห้งโดยเริ่มที่หน้าก่อน ผื่นจะกลายเป็นสะเก็ดในวันที่12-13

โรคแทรกซ้อนโรคฝีดาษ คลิกดูภาพ

การวินิจฉัยโรคฝีดาษ คลิกดูภาพ

การวินิจฉัยโรคอาศัยทั้งประวัติและการตรวจร่างกาย

การรักษาโรคฝีดาษ

การป้องกันโรคฝีดาษ

การปลูกฝี

วัคซีนทำจากไวรัสชื่อ vaccinia เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในวัวที่ยังมีชีวิตแต่ทำให้อ่อนแรง เชื้ออาจะกระจายจากตำแหน่งที่ฉีดวัคซีนไปยังตำแหน่งอื่นได้ ต้องระวังการรักษาความสะอาดการปลูกฝีสามารถป้องกันโรคฝีดาษ และค่อยข้างปลอดภัย แต่อาจจะมีผลข้างเคียงตั้งแต่น้อยจนมาก หลังการฉีดวัคซีนจะมีภูมิอยู่ได้ 3-5 ปีหากได้รับการกระตุ้นภูมิจะอยู่นานขึ้น

การปลูกฝีจะใช้เข็มซึ่งมีเชื้อโรคอยู่ ทำให้ผิวหนังเกิดแผลเชื้อจะเข้าสู่แผล รูปภาพข้างล่างจะแสดงการเปลี่ยนแปลงของแผลหลังฉีดวัคซีน

ภาพแสดงลักษณะของแผลภายหลังการฉีดวัคซีน


ฝีดาษ

ผลข้างเคียงเล็กน้อย

ผลข้างเคียงที่รุนแรง พบได้ 1000 รายใน 1000000 ราย

ผลข้างเคียงที่อาจจะทำให้เสียชีวิต

ผู้ที่ไม่ควรได้รับการปลูกฝี

การดูแลตำแหน่งที่ปลูกฝี

ข้อห้าม