โรคหนองในเทียม Non Gonococcal Urethritis (NSU)
โรคหนองใน Urethritis หมายถึงการที่ท่อปัสสาวะอักเสบซึ่งอาจจะเกิดจากการติดเชื้อหรือไม่มีการติดเชื้อก็ได้ อาการที่สำคัญคือมีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ ปัสสาวะขัด แบ่งสาเหตุของโรคหนองในดังนี้
- หนองในแท้ Gonococcal Urethritis
- หนองในเทียม Non Gonococcal Urethritis (NSU)
อ่านเรื่องท่อปัสสาวะอักเสบ
โรคหนองในเทียม
โรคหนองในเทียมหมายถึงการอักเสบของท่อปัสสาวะที่เกิดเชื้อโรคที่ไม่ใช่หนองในแท้ (Gonococcal Urethritis) สำหรับเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคหนองในเทียมได้แก่
เชื้อที่เป็นสาเหตุบ่อยที่สุดคือ Chlamydia trachomatis
เราได้รับเชื้อหนองในเทียมได้อย่างไร
คนเราติดเชื้อหนองในเทียมได้จากทาง
- การมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะทางทวารหนัก
ปาก หรือทางช่องคลอด
- หนองในเทียมอาจติดต่อจากแม่สู่ลูกขณะมีการคลอดทางช่องคลอด
- คนที่มีคู่นอนมาก หรือมีเพศสัมพันธ์อายุน้อยจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อนี้เพิ่มขึ้น
- การที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย หรือผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง ก็สามารถติดหนองในเทียมได้
นอกจากนั้นก็มีโรคที่ทำให้เกิดอาการหนองในเทียมเช่น
อาการของผู้ที่เป็นหนองในเทียม
ผู้ที่ได้รับเชื้อส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ หากมีอาการจะเกิดหลังจากรับเชื้อไปแล้วประมาณ 1-3 สัปดาห์ อาการจะขึ้นกับเพศ
อาการสำหรับเพศชาย
อาการสำหรับเพศหญิง
เชื้อจะไปที่ปากมดลูก cervix และท่อปัสสาวะจะทำให้เกิดอาการตกขาว ปัสสาวะขัด หากไม่รักษาเชื้ออาจจะลามไปที่ท่อรังไข่ Fallopian tube เกิดช่องเชิงกรานอักเสบซึ่งจะมีอาการปวดท้องน้อย มีไข้ เจ็บท้องเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- ตกขาว
- ปัสสาวะขัด
- ปวดท้องน้อย มีเลือดออกขณะร่วมเพศ
การวินิจฉัยโรคหนองในเทียมต้องทำอย่างไร
- การวินิจฉัยทำโดยการน้ำหนองหรือสารคัดหลั่งจากช่องคลอด หรืออวัยวะเพศมาเพาะเชื้อ
หรือส่องกล้องตรวจ
- เมื่อย้อมจะพบเม็ดเลือดขาวมากกว่า
5 เซลล์
การป้องกันโรคหนองในเทียม
- วิธีดีที่สุดคือการงดเพศสัมพันธ์
- ใช้ถุงยางอนามัย
- มีสามีหรือภรรยาคนเดียว
- หากต้องการมีคู่นอนคนใหม่ต้องตรวจเช็คก่อนทุกครั้ง
- หากคุณเป็นโรคหนองในเทียมให้งดการมีเพศสัมพันธ์
- ให้รักษาทั้งตัวคุณเองและคู่ครองหากคนใดคนหนึ่งเป็นโรคนี้อีกคนจะต้องรักษาไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่ หากไม่รักษาจะมีโอกาศเกิดซ้ำ
- หากมีอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะต้องตรวจหาเชื้อหนองในเทียม
การรักษาโรคหนองในเทียม
การรักษาจะต้องให้ยาทันทีหลังจากการวินิจฉัย
ยาที่เลือกเป็นอันดับต้น
- ยาที่ใช้ในการรักษามี Azithromycin 1 g รับประทานครั้งเดียว
- หรืิอ Doxycycline 100 mgรับประทานวันละ
2 ครั้งเป็นเวลา 7วัน
ยาที่เลือกเป็นอันดับรองลงมา
- ยาที่เป็นตัวเลือกอื่น Erythromycin base
500 mg รับประทานวันละ 4 ครั้งเป็นเวลา 7 วัน
หรือ
- Erythromycin ethylsuccinate 800 mg วันละ 4 ครั้งเป็นเวลา 7 วัน หรือ
- Levofloxacin 500 mg วันละครั้งเป็นเวลา 7 วัน หรือ
- หรือ Ofloxacin 300 mg วันละ
2 ครั้งเป็นเวลา 7 วัน
สำหรับผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง
- สำหรับผู้ที่เป็นเรื้อรังหรือรักษาไม่หายให้ใช้ยา Metronidazole 2 g หรือ Tinidazole 2 g รับประทานครั้งเดียวและ Azithromycin 1 g รับประทานครั้งเดียว
โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ
หากท่านเป็นโรคหนองในเทียมโดยที่มีหรือไม่มีอาการแล้วไม่ได้รักษาท่านอาจจะมีโรคแทรกซ้อนที่สำคัญคือ
ในผู้ชาย
- การอักเสบของอัณฑะ Epididymitis ซึ่งหากไม่รักษาอาจจะทำให้เป็นหมัน
- ข้ออักเสบ Reiter's syndrome (arthritis)
- เยื่อบุตาอักเสบ Conjunctivitis
- ผื่นที่ผิวหนัง Skin lesions
- หนองไหล Discharge
ในผู้หญิง
- อุ้งเชิงกรานอักเสบPelvic Inflammatory Disease (PID)ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก
- ปวดท้องน้อยเรื้อรัง Recurrent PID ซึ่งอาจจะทำให้เป็นหมัน
- ท่อปัสสาวะอักเสบ Urethritis
- ช่องคลอดอักเสบ Vaginitis
- แท้ง Spontaneous abortion (miscarriage)
การรักษาสำหรับคู่
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วย 60 วันก่อนเกิดอาการจะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้แก่โรคเอดส์ ซิฟิลิส หนองในแท้ และหนองในเทียม