อาหารสำหรับผู้ที่ล้างไตทางหน้าท้อง


ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ที่ล้างไตผ่านทางหน้าท้องมักจะมีภาวะขาดสารอาหาร และมีภาวะไขมันในเลือดสูง ดังนั้นจำเป็นต้องเรียนรู้อาหารสำหรับผู้ที่ล้างไตทางหน้าท้อง

ผู้เป็นโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ที่ได้รับการบำบัดทดแทนไตด้วยการล้างช่องท้องชนิดถาวร (CAPD- Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis) เพื่อลดการคั่งของของเสียและน้ำ ช่วยให้ ผู้ป่วยมีอายุยืนยาวขึ้น แต่ในการรักษาทดแทนไตด้วยการทำ CAPD นี้ จะมีการสูญเสียสารโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ไปกับน้ำยาที่ใช้ล้างช่องท้อง ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการให้ เพียงพอ มิฉะนั้นอาจขาดสารอาหารได้ ภาวะโภชนาการที่พบได้ในผู้ป่วยไตเรื้อรังที่ล้างไตผ่านทางหน้าท้อง

ภาวะขาดอาหาร

ปัญหาโภชนาการที่มักพบในผู้ที่ได้รับการรักษาทดแทนไตด้วยการ ทำ CAPD คือ รับประทานอาหารที่ให้โปรตีนไม่เพียงพอ ทำให้ขาดโปรตีน มีระดับอัลบูมีนในเลือดต่ำเนื่องจาก

  • อาจเนื่องมาจากผู้ป่วยเคยชินกับการถูกจำกัดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ในช่วงเป็นโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ก่อนได้รับการรักษาด้วยการล้างช่องท้องมาเป็นเวลา นาน ทำให้รับประทานอาหารที่ให้โปรตีนได้ไม่มากพอ
  • นอกจากนี้ในการทำ CAPD จำเป็นต้องใส่น้ำยาเข้าไปในช่องท้องครั้งละ 2 ลิตร และทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนของเสียระหว่างเลือดและน้ำยาล้างไต ผ่านทางเยื่อบุช่องท้อง แล้วจึงปล่อยน้ำยาออกมา ต้องทำการเปลี่ยนน้ำยาล้างไตวันละ 4 ครั้ง การมีน้ำเข้าไปอยู่ในช่องท้อง ทำให้รู้สึกแน่นช่อง ท้อง รับประทานอาหารได้น้อยลง
  • และน้ำยา CAPD มีกลูโคสซึ่งจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด ทำให้ผู้ป่วย ไม่รู้สึกหิว ไม่มีความอยากอาหาร
  • ผู้ป่วยบางคนยังขาดธาตุสังกะสี ทำให้ความรู้สึกในการรับรส เปลี่ยนแปลง รับประทานอาหารไม่อร่อย ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง

เหล่านี้เป็นสาเหตุให้เกิดการ ขาดสารโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่อื่นๆได้

ภาวะน้ำหนักเกิน

  • ภาวะโภชนาการเกินหรืออ้วน เนื่องจากผู้ป่วยได้กลูโคสจากน้ำยา CAPD ที่ใช้ล้างช่องท้อง ทำให้ได้รับพลังงานเพิ่มมากกว่าที่ควร ได้รับ ทำให้อ้วน ผู้ป่วยบางคนอาจมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น มีภาวะต้านอินสุลิน (Insulin resistance)
  • การมี ภาวะไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ซึ่งนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง และเกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา ผู้ที่ได้รับการบำบัดทดแทนไตด้วยการล้างช่องท้องชนิดถาวร จึง จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการเลือกรับประทานอาหารให้ถูกต้อง เพื่อการมีสุขภาพดีและคุณภาพชีวิตที่ดี

ผู้เป็นโรคไตที่รักษาด้วยการทำ CAPD ควรปฏิบัติตัวในการรับประทานอาหารอย่างไร โดยสรุป ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวในการรับประทานอาหารดังนี้

  1. รับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น เนื้อหมู ไก่ ปลา กุ้ง แต่ละมื้อประมาณ 4 ช้อนกิน ข้าวพูนน้อย
  2. รับประทานข้าว ก๋วยเตี๋ยว หรือแป้งอื่นๆในมื้อหลัก มื้อละ 2-3 ทัพพีเล็ก (ในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า)
  3. แบ่งอาหารเป็นมื้อเล็ก โดยรับประทานวันละ 5-6 มื้อ แทนการรับประทานอาหารมื้อใหญ่วันละ 2-3 ครั้ง จะช่วยให้ไม่รู้สึกแน่นท้องหลังรับประทานอาหาร
  4. รับประทานผักสีเขียว ผักสีเหลือง และผลไม้ให้เพียงพอทุกมื้อ
  5. ถ้าต้องการดื่มนม ให้ดื่มไม่เกิน ½ - 1 แก้วต่อวัน และถ้ามีระดับฟอสเฟตในเลือดสูง ควรงดนม และ เครื่องดื่มประเภทนม
  6. เลี่ยงการเติมน้ำตาลในอาหาร เครื่องดื่ม และไม่ดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม
  7. รับประทานผลไม้ที่ไม่หวานจัดแทนขนมหวาน หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำผลไม้
  8. รับประทานอาหารที่มีไขมันน้อย และหลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว เช่น เนย ครีม เนื้อติดมัน ไขมันสัตว์ หนังสัตว์ ฯ อาหารใส่กะทิ
  9. ผู้ป่วยที่อ้วน ควรหลีกเลี่ยงอาหารทอดทุกชนิด เช่น ทอดมัน แฮ่กึ๊น ข้าวเกรียบ มันทอด ข้าวตัง ปาท่องโก๋ ฯ
  10. หลีกเลี่ยงอาหารฟาสฟู้ดที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง
  11. หลีกเลี่ยงการรับประทาน ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดแตงโม เมล็ดทานตะวัน เครื่องในสัตว์ ไข่แดง ไข่ปลา
  12. ใช้น้ำมันพืชจำพวกน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำ น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันปาล์ม ในการทำอาหาร
  13. ควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และควรหาเวลาออกกำลังกาย โดยการเดินบ้าง หรือวิธีอื่นๆที่ไม่หนักเกินไป ซึ่งจะทำให้สุขภาพดีขึ้น ควรพบแพทย์และนักโภชนาการ ตามเวลาที่กำหนด


การดูแลเรื่องอาหารอย่างถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ได้รับการบำบัด ทดแทนไตด้วยการล้างท้องชนิดถาวร (CAPD) จะช่วยป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆได้ ช่วยให้มีสุขภาพดี

ผู้เป็นโรคไตที่ได้รับการบำบัดทดแทนไตด้วยการล้างช่องท้องชนิดถาวร (CAPD) รับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้มากน้อยเพียงไร

ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยการทำ CAPD ควรรับประทานอาหารที่ให้โปรตีนให้เพียงพอ ได้แก่ เนื้อ หมู ไก่ ปู ปลา กุ้ง และไข่ขาว ทั้งนี้เพราะการทำ CAPD จะสูญเสียอัลบูมินซึ่งเป็นสารโปรตีนไปกับน้ำยาล้างช่องท้อง ผู้ป่วยจึงต้องรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ให้มากขึ้น เพื่อชดเชยปริมาณโปรตีนที่ สูญเสียไป และเพื่อให้ร่างกายนำสารโปรตีนเหล่านี้ไปใช้ในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อต่างๆ โดย รับประทานเนื้อหมู เนื้อไก่ ที่ไม่ติดมันและหนัง หรือเนื้อปลา มื้อละ 4 ช้อนกินข้าวพูนพอควร (2 รายการในรายการด้านล่าง) วันละ 3 มื้อ หรือจะแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็ก 4-5 มื้อก็ได้ ไข่ไก่ควรได้รับสัปดาห์ละ 2 ฟอง ยกเว้นผู้ที่มีฟอสฟอรัสในเลือดสูง ควรงดไข่แดง หากเป็นไข่ขาวรับประทานได้ทุกวัน วันละ 4 ฟอง โดยเฉพาะผู้ที่มีระดับอัลบูมินต่ำกว่า 3.5 กรัม/ลิตร

  • อกไก่ 2 ช้อนกินข้าว
  • ไข่ 1 ฟอง
  • เนื้อหมูแดง 2 ช้อนกินข้าว
  • ไข่ขาว 2 ฟอง
  • ปลาทูน่า 2 ช้อนกินข้าว
  • ปลาทอด 2 x 1 ½ x ½ นิ้ว 1 ชิ้น
  • ลูกชิ้นปลา 5-6 ลูก
  • หมูบด 2 ช้อนกินข้าว
  • แฮมไม่ติดมัน 1 ชิ้น (3 ½ x3 ½ x 1/8 นิ้ว)
  • กุ้งขนาดกลาง 4 ตัว
  • ตะโพกไก่ไม่ติดหนัง 2 ช้อนกินข้าว

ผู้เป็นโรคไตรับประทานข้าว / ก๋วยเตี๋ยวหรืออาหารจำพวกแป้งอื่นๆได้มากน้อยเท่าไร

ข้าว ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ ขนมปัง ขนมจีน ข้าวโพด เผือก มัน ฯลฯ เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ ควรได้รับข้าวมื้อละ 2-3 ทัพพี หรือก๋วยเตี๋ยวก็ได้ เพื่อใช้เป็นพลังงานในการทำงานของอวัยวะต่างๆภายใน ร่างกาย รวมทั้งใช้ในการทำงานและกิจกรรมอื่นๆ และการได้รับอาหารที่ให้พลังงานอย่างเพียงพอ ยังช่วย ให้ร่างกายสามารถนำสารโปรตีนไปใช้ในการเสริมสร้างซ่อมแซมเซลล์ และกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยการทำ CAPD จะได้รับการใส่น้ำยาไปในช่องท้อง ทำให้รู้สึกแน่น อึดอัดท้อง และบางครั้งรู้สึกเบื่ออาหาร ทำให้รับประทานข้าว ก๋วยเตี๋ยวได้น้อยลง จึงควรแบ่งมื้ออาหาร เป็นมื้อเล็ก วันละ 4-5 มื้อ โดยจัดให้มีอาหารว่างระหว่างมื้อ ในแต่ละมื้อควรมีเนื้อสัตว์ เช่น ปลา ไก่ ให้เพียงพอด้วย เพื่อป้องกันการขาดสารโปรตีน สำหรับผู้ที่อ้วนมาก ควรลดปริมาณข้าวหรืออาหารจำพวก แป้งอื่นๆลงบ้าง เพื่อควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

ผู้ที่รักษาด้วยการทำ CAPD จะรับประทานขนมหวาน น้ำหวานได้หรือไม่

ผู้ที่รักษาด้วยการทำ CAPD ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานขนมหวานจัด น้ำหวาน เนื่องจากใน น้ำยาล้างไตมีกลูโคสผสมอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ใช้น้ำยาซึ่งมีความเข้มข้นของกลูโคส 4.25% กลูโคสจะถูกดูดซึมเข้าไปมาก อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ระดับอินสุลินในเลือดสูงขึ้น น้ำหนัก ตัวเพิ่มขึ้น มีภาวะต้านอินสุลิน เกิดโรคเบาหวาน และมีภาวะไขมันในเลือดสูง จึงควรหลีกเลี่ยงขนมที่ หวานจัด เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง สังขยา ขนมหม้อแกง ฯลฯ ขนมเชื่อมต่างๆ ขนมน้ำเชื่อม ขนมกวน รวมทั้งน้ำหวาน บางครั้งถ้าอยากรับประทานขนมหวาน ควรเลือกรับประทานขนมที่หวานน้อย เช่น ขนมกล้วย ขนมมัน ขนมตาล ขนมสาลี่ เค้กไม่มีหน้า ฯลฯ ควรหลีกเลี่ยงขนมที่มีเนยหรือกะทิ และ พยายามควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

ผู้ที่รักษาด้วยการทำ CAPD ต้องจำกัดอาหารจำพวกไขมันหรือไม่

ผู้ที่รักษาด้วยการทำ CAPD จะได้รับพลังงานส่วนเกินจากกลูโคสในน้ำยาล้างช่องท้อง ทำให้ อ้วน มีระดับไตรกลีเซอไรด์และระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วย 4 ที่ทำ CAPD และนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจขาดเลือด เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าว ควร เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันน้อยดังต่อไปนี้

  • หลีกเลี่ยงเนื้อติดมัน เนื้อสัตว์ติด มันและหนัง ขาหมู หมูสามชั้น และอาหารทอดต่างๆ เช่น อาหารชุบแป้งทอด มันทอด กล้วยแขก ข้าว เกรียบ ทอดมัน หอยจ้อ ปาท่องโก๋ หมูหัน หนังเป็ดปักกิ่
  • อาหารที่ทำจากกะทิ หรือมีส่วนประกอบของ เนย ครีม มาร์การีน ได้แก่ เค้ก คุกกี้ พาย ครัวซอง เพสตรี้ ซึ่งมีไขมันอิ่มตัวมาก
  • รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหาร ที่มีคอเลสเตอรอลมาก เช่น ไข่แดง หนังเป็ด หนังไก่ หนังหมู มันหมู เครื่องในสัตว์ ปลาหมึก
  • และ อาหารจำพวกฟาสฟู้ด เช่น พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ ไก่ทอด ควรเลือก
  • ใช้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม น้ำมันรำ น้ำมันถั่วลิสง ในการประกอบอาหาร ใช้แต่น้อยโดยใช้ผัดแทนการทอด และ
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำสลัดจำพวกมายองเนส และสลัดครีม ฯ
  • ผู้ที่อ้วนควรลดน้ำหนักลง โดยหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก
  • และอาหารทอดต่างๆ เช่น อาหารชุบแป้งทอด มันทอด กล้วยแขก ข้าว เกรียบ ทอดมัน หอยจ้อ ปาท่องโก๋ หมูหัน หนังเป็ดปักกิ่ง
  • ควรเลือกรับประทานอาหารที่ทำโดยการต้ม นึ่ง ย่าง อบ ผัดน้ำมันน้อย หรือยำ

อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง มีระดับ แอล ดี แอล (LDL) ในเลือดสูง และมีระดับเอช ดี แอล (HDL) ในเลือดต่ำ ทำให้เพิ่มอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ขาดเลือด ผู้ป่วยควรควบคุมระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่แสดงในตารางที่ 3 และควรเลือก รับประทานอาหารตามตารางที่ 4 ในช่องที่แนะนำให้เลือก ในตารางที่ 5 แสดงปริมาณคอเลสเตอรอลใน อาหาร เพื่อให้ทราบว่าอาหารชนิดใดมีคอเลสเตอรอลมาก และควรหลีกเลี่ยง

อาหารที่ควรรับประทาน อาหารทีควรหลีกเลี่ยง
เนื้อปลา เนื้อสัตว์ติดมัน หมูสามชั้น คอหมู ขาหมู ไก่ตอน ฯ
เนื้อหมูไม่ติดมัน หมูหัน เป็ดปักกิ่ง หนังหมูทอด ฯ
เนื้อไก่ / เป็ด ไม่ติดมัน / หนัง ไส้กรอก กุนเชียง หมูยอ ฯ
อาหารที่ผัดน้ำมันน้อย แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า ฯ
อาหารที่เตรียมโดยการต้ม นึ่ง ย่าง อบ หมูสะเต๊ะ หมูปิ้ง
อาหารที่ไม่ใส่กะทิ แกงกะทิ ขนมใส่กะทิ ขนมครก ฯลฯ
อาหารจำพวกแกงส้ม ต้มยำ แกงจืด ขนมอบที่มีเนยมาก เช่น เค้ก คุกกี้ พาย เพสตรี้ ฯ
อาหารประเภทยำ ที่มีผักมาก เช่น ส้มตำ ยำผักต่างๆ น้ำสลัดชนิดข้น สลัดครีม อาหารทอดทุกชนิด เช่น ไก่ทอด กุ้งทอด ปลาทอด
ผัดผักต่างๆ กล้วยทอด ปาท่องโก๋ มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบ ฯ
น้ำมันที่ใช้ผัด ควรใช้น้ำมันรำ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันถั่วลิสง หรือใช้น้ำมัน ปาล์มโอเลอีนร่วมกับน้ำมันถั่วเหลือง 1:1 อาหารที่มีคอเลสเตอรอลมาก เช่น ไข่แดง ไข่ปลา ปลาหมึก น้ำมันหมู เนย เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ ปอด หัวใจ ไต ฯ

ผู้ที่รักษาด้วยการทำ CAPD ต้องจำกัดผัก ผลไม้หรือไม่

ผู้เป็นโรคไตเรื้อรังที่รักษาด้วยการทำ CAPD จะมีการสูญเสียโพแทสเซียมไปกับน้ำยาล้างไต จึง ควรรับประทานผักและผลไม้ให้มากพอ มิฉะนั้นอาจขาดโพแทสเซียม ซึ่งมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ หัวใจได้ โพแทสเซียมมีมากในผักสีเขียวจัด ผู้ป่วยควรรับประทานเป็นประจำให้เพียงพอ ซึ่งจะทำให้ได้ เหล็ก แคลเซียม วิตามินและใยอาหารเพิ่มขึ้นด้วย แต่ควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่หวานจัด เช่น ทุเรียน ขนุน ลำไย ฯ ผลไม้กวนและผลไม้เชื่อม เนื่องจากทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงได้ ควรเลือกรับประทานผลไม้ที่ไม่หวานจัดและมีโพแทสเซียมมาก เช่น ส้มเขียวหวาน มะละกอสุก แคนตา ลูป ฝรั่ง กระท้อน ลูกพรุน รับประทานวันละ 2-3 ครั้ง และควรรับประทานในรูปผลไม้มากกว่าน้ำผลไม้

ผู้ที่รักษาด้วยการทำ CAPD ต้องจำกัดเกลือและน้ำหรือไม่

  • โดยทั่วไป ผู้ที่รักษาด้วยการทำ CAPD ไม่ต้องจำกัดเกลือโซเดียมและน้ำ เพราะมีการสูญเสียไป กับน้ำยาล้างช่องท้อง รับประทานอาหารรสเค็มได้ตามปกติ ถ้ามีการสูญเสียมาก อาจต้องรับประทาน อาหารที่มีรสเค็มเพิ่มขึ้น
  • แต่หากมีความดันโลหิตสูงหรือบวม ก็จำเป็นต้องจำกัดอาหารที่มีรสเค็มจัดและ ปริมาณน้ำที่ได้รับ

ผู้ที่รักษาด้วยการทำ CAPD รับประทานอาหารจำพวกถั่วเมล็ดแห้งได้หรือไม่

ถั่วเมล็ดแห้งทุกชนิดมีสารฟอสฟอรัสสูง การรับประทานอาหารที่มีฟอสฟอรัสมาก ทำให้ระดับ ฟอสฟอรัสในเลือดสูง มีผลต่อการดูดซึมแคลเซียม ทำให้แคลเซียมในเลือดต่ำ เป็นผลต่อการทำงานของ กระดูก ทำให้กระดูกพรุน หักง่าย ปวดกระดูก ผู้เป็นโรคไตเรื้อรังที่ทำ CAPD จึงควรหลีกเลี่ยงถั่วเมล็ด แห้งทุกชนิด และเมล็ดพืชตามรายการด้านล่างรวมทั้งอาหารอื่นที่มีฟอสฟอรัสสูงด้วย เช่น ไข่แดง เครื่องใน สัตว์ น้ำนมรายการอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง ที่ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยง / งด

  • ถั่วแดง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วดำ เมล็ดถั่วลันเตาถั่วเขียว เมล็ดทานตะวัน ถั่วแระ เมล็ดแตงโมถั่วลิสง เมล็ดฟักทอง ถั่วเหลือง
  • ปลาทอดกรอบทั้งกระดูก
  • เครื่องใน ตับหมู ตับไก่ ไต หัวใจ ปอด ฯ
  • ไข่แดง
  • เนื้อวัว
  • น้ำนม, โยเกิร์ต
  • เครื่องดื่มประเภทโคล่า
  • เนยแข็งถั่วอัลมอนต์ ช็อกโกแลต
  • จมูกข้าวสาลีถั่วพิตัสชิโอ
  • ปลาซาดีนกระป๋อง ปลาแก้ว/ปลาขาวแห้งพีคานนัท ปลาไส้ตัน
  • สาหร่ายแห้งเค้ก / โดนัท ปาท่องโก๋
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • นอกจากนี้ ฟอสฟอรัสยังมีมากในสารเจือปน (Food additive) ซึ่งใช้เติมในอาหารต่างๆเพื่อเป็นวัตถุกันเสีย หรือปรับคุณภาพ หรือเพิ่มความคงตัวในอาหารและในผงฟู จึงควรอ่านฉลากและรับประทานแต่น้อยด้วย

โรคไตเรื้อรัง การล้างไตผ่านทางหน้าท้อง

เพิ่มเพื่อน