ภาวะโปรตีนในปัสสาวะมากหรือ Proteinuria


Protein ในเลือดส่วนใหญ่เป็น Albumin ซึ่งจะเป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก ผม เล็บ และยังมีหน้าที่อื่นๆเช่นทำให้เลือดแข็งตัว เป็นภูมิคุ้มกันโรค เมื่อเลือดผ่านเข้าไต Proteinuria มีโมเลกุลใหญ่ไม่สามารถกรองผ่านไตได้ ดังนั้นเราจึงตรวจไม่พบ Proteinuria ในปัสสาวะ

คนปกติจะมีโปรตีนในปัสสาวะหรือไม่

ปกติปัสสาวะของคนจะตรวจไม่พบโปรตีน Protein โปรตีนส๋วนใหญ่เป็น Albumin ดังนั้นหากตรวจพบ Protein ก็หมายถึงตรวจพบ Albumin นั่นเอง การตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะจะบ่งบอกว่าเริ่มจะเกิดโรคไต หากไม่ตรวจแต่แรกก็อาจจะกลายเป็นโรคไตเสื่อม และในที่สุดกลายเป็นโรคไตวายเรื้อรัง ดังนั้นการตรวจปัสสาวะเพื่อหา Albumin ในผุ้ป่วยบางโรคเช่น โรคเบาหวาน ความดันดลหิตสูงจึงมีความจำเป็น

ชนิดของโปรตีน ปริมาณ(มก/24ชม)
โปรตีน Protein ที่ขับออกมา  
  • ค่าปกติ
<150
  • มีโปรตีนในปัสสาวะ
>150
  • เป็นเนยโฟติก Nephrotic
>3500
Albumin  
  • ค่าปกติ
2-30
  • Microalbuminuria
30-300
  • Macroalbuminuria
>300

วิธีการตรวจโปรตีนในปัสสาวะ

  1. โดยการใช้แทบตรวจปัสสาวะจุ่มในปัสสาวะแล้วเทียบสี จะตรวจพบโปรตีนเมื่อมีปริมาณโปรตีน 300-500 มก ข้อเสียคือไม่สามารถวัดปริมาณโปรตีน
  2. วัดปริมาณ Protein ที่ขับออกมาตลอด 24 ชั่วโมงโดยการเก็บปัสสาวะตลอดทั้งวันและส่งตรวจหาโปรตีน และค่า Creatinin
  3. การตรวจปัสสาวะหาค่า Protein Creatinine
  • ค่าอัตราส่วน Protein/ Creatinine ค่าปกติจะน้อยกว่า 0.2
  • ACR (or PCR) เป็นการวัดปริมาณ Albumin (หรือprotein)ในปัสสาวะโดยมากจะเก็บปัสสาวะทั้งวันหรือ 24 ชั่วโมงโดยเทียบกับปริมาณ Creatinine ในปัสสาวะ. ค่าอัตราส่วน Albumin/ Creatinineค่าปกติจะน้อยกว่า 30 mg/g creatinineหาค่าดังกล่าวอยู่ระหว่าง 30-300 แสดงว่ามีโปรตีนออกมาในปริมาณไม่มาก หากมากกว่า 300 mg/g แสดงว่าโปรตีนออกมาก
  • การตรวจ ACR เหมาะสำหรับตรวจหาโปรตีนในปัสสาวะไม่มากเช่นบวก1 หรือตรวจหาโปรตีนในปัสสาวะผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  • หากมีโปรตีนในปัสสาวะมากควรใช้ PCR ติดตามการรักษา
  • ค่า PCR เท่ากับ 100, หรือ ACR เท่ากับ 70ประมาณว่าจะเป็นค่าโปรตีนในปัสสาวะเท่ากับ 1g ใน24 ชั่วโมง
  • ยังมีวิธีการตรวจหาโปรตีนในปัสสาวะโดยที่ไม่ต้องเก็บปัสสวะ 24 ชั่วโมงโดยการเปรียบเทียบค่าโปรตีนในปัสสวะกับค่า creatinine ในปัสสาวะที่เรียกว่า urine protein to creatinine (UPCR)

ผู้ป่วยท่านใดที่เสี่ยงต่อการเกิดโปรตีนในปัสสาวะ

ผู้ที่มีภาวะดังต่อไปนี้จะตรวจปัสสาวะหาโปรตีน(protein)

  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานทั้งชนิดที่ 1และชนิดที่ 2 การตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะจะเป็นสัญญาณของการเป็นโรคไต
  • ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
  • ผู้ป่วยโรคไตอักเสบ

ปัจจัยที่มีผลต่อโปรตีนในปัสสาวะ

หากตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะก็ไม่ได้หมายความถึงจะเป็นโรคไตเพราะมีหลายภาวะที่ทำให้ตรวจปัสสาวะแล้วพบโปรตีน ปัจจัยดังกล่าวได้แก่

ดังนั้นเมื่อตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะแล้วจะต้องหาปัจจัยต่างๆเหล่านี้และแก้ไขและตรวจปัสสาวะซ้ำ

โปรตีนในปัสสาวะหายเองได้หรือไม่

โปรตีนในปัสสาวะแบ่งออกเป็นสามชนิดได้แก่

  1. โปรตีนในปัสสาวะที่หายเองได้ Transient proteinuria มักจะพบในคนที่มีไข้ หรือออกกำลังกาย อยู่ในที่หนาว หรือมีความเครียดโปรตีนนี้หายได้เองเมื่อภาวะที่กระตุนดังกล่าวหายไปแล้ว ภาวะนี้จะไม่กลายเป็นไตวายปริมาณโปรตีนมักจะน้อยกว่า 1 กรัมต่อวัน
  2. โปรตีนในปัสสาวะเมื่ออยู่ในท่ายืน Orthostatic (postural) proteinuria โปรตีนมักจะน้อยกว่า 1 กรัมต่อวันจะตรวจพบเมื่ออยู่ในท่ายืน เมื่อนอนโปรตีนก็จะหายไป
  3. เมื่อตรวจปัสสาวะ 2-3 ครั้งยังพบโปรตีนทุกครั้งที่ตรวจเราเรียกว่า Persistent proteinuria ซึ่งจะบ่งว่ามีโรคที่ไต ปริมาณโปรตีนก็สามารถบอกตำแหน่งของโรคไตได้

เมื่อแพทย์ตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะแพทย์จะตรวจอะไรต่อ

เมื่อเราตรวจสุขภาพ ตรวจปัสสาวะพบโปรตีนในปัสสาวะอย่างน้อยสามครั้ง จึงจะบอกว่ามีโปรตีนในปัสสาวะซึ่งผลการตรวจโดยแทบตรวจปัสสาวะจะได้ผลดังนี้

  • Trace = 5-20 mg/dL.
  • 1+ = 30 mg/dL.
  • 2+ = 100 mg/dL.
  • 3+ = 300 mg/dL.
  • 4+ = greater than 2,000 mg/dL.

เมื่อตรวจยืนยันว่ามีโปรตีนในปัสสาวะแน่นอนแพทย์จะตรวจเพิ่มเติมดังนี้

  • ซักประวัติเพิ่มเติมโดยเฉพาะประวัติการใช้ยา ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต อาชีพ
  • วัดความดันโลหิต
  • เจาะเลือดตรวจเช่น การทำงานของไต
  • ตรวจเลือดหาระดับน้ำตาลในเลือด.
  • ตรวจเลือดหาระดับไขมันในเลือด
  • นำปัสสาวะไปส่องกล้องตรวจหาเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว หากมีเม็ดเลือดขาวมาก และย้อมพบเชื้อแบคทีเรียสาเหตุของโปรตีนในปัสสาวะน่าจะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • วัดระดับโปรตีนในปัสสาวะ24 และระดับ creatinine เพื่อประเมินความรุนแรงของโปรตีนในปัสสาวะเพื่อพิจารณาวางแผนการรักษา:
    • Protein/creatinine ratio >100 mg/mmolผู้ป่วยจะต้องไปพบแพทย์โรคไต
    • Protein/creatinine ratio >45 mg/mmolและตรวจพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะจะต้องพบแพทย์เฉพาะโรคไต
    • Protein/creatinine ratio<45 mg/mmol.ให้การดูแลเหมือนผู้ป่วยที่เริ่มเป็นโรคไต
    • ปริมาณ Protein มากกว่า 3.5 กรัมต่อวันจะจัดอยู่ในกลุ่มเนฟโฟติค
  • ตรวจเลือดเพื่อหาว่ามีโรค SLE
  • ตรวจ Ultrasound ของไต
  • บางรายอาจจะต้องเจาะชิ้นเนื้อไตเพื่อตรวจเนื้อไตทางกล้องจุลทัศน์

ความสำคัญของการตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ

ปริมาณโปรตีนในปัสสาวะจะเป็นตัวที่กำหนดว่าว่าผู้ใดจะกลายเป็นโรคไตวาย ผู้ที่มีโปรตีนในปัสสาวะน้อยโอกาศเสี่ยงที่จะกลายเป็นโรคไตวายจะต่ำ ผู้ที่มีโปรตีนในปัสสาวะสูงมีโอกาศจะกลายเป็นโรคไตวายสูง นอกจากนั้นปริมาณโปรตีนในปัสสาวะยังสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจ อัตราการเสียชีวิต

ผู้ที่มีโปรตีนในปัสสาวะจะมีอาการอะไรบ้าง

ผู้ที่มีโปรตีนในปัสสาวะจะไม่มีอาการอะไร หากมีปริมาณโปรตีนในปัสสาวะปริมาณมากเวลาปัสสาวะลงในโถส้วมจะเป็นฟอง หากร่างกายสูญเสียโปรตีนไปมากจะทำให้เกิดอาการบวมบริเวนเท้า หนังตา

ค่าโปรตีนในปัสสาวะนำมาเป็นแนวทางในการรักษาโรค

ค่าโปรตีนในปัสสาวะนำมาเป็นแนวทางในการดูแลผู้ป่วย

ACR (mg/mmol) PCR (mg/mmol) Implication
ACR >3 >15 ค่าเกินปกติจัดเป็นไตเสื่อมระดับ1หรือสอง หากเป็นผู้ป่วยเบาหวานจะพิจารณาให้ยาลดความดันโลหิตกลุ่ม ACEI หรือ ARB
30 50 พิจารณาให้ยา ACE inhibitorหรือ ARB
70 100 ควบคุมระดับความดันโลหิต 130/80 มิลิเมตรปรอท
>250 >300 โปรตีนในปัสสาวะเข้าเกณฑ์ไตรั่ว “nephrotic syndrome

สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะACR>3 mg/mmol) จะเป็นข้อบ่งชี้ในการรักษา

  • พิจารณาให้ยาลดความดันโลหิตกลุ่ม ACEIs หรือ ARBs
  • ควบคุมระดับความดันโลหิตให้น้อยกว่า 130/80มิลิเมตรปรอท
  • ควบคุมระดับน้ำตาลให้ดี
  • ควรจะติดตามระดับโรคตีนในปัสสาวะ ACR และการทำงานของไต( creatinine) อย่างน้อยปีละครั้ง
  • ปรึกษาแพทย์โรคไต

เพิ่มเพื่อน

 

ต่อหน้าที่สองการักษาโปรตีนในปัสสาวะ

การตรวจปัสสาวะ โรคไตเสื่อม โรคเนฟโฟติก โรคไตวาย โรคไตเบาหวาน โปรตีนในปัสสาวะ ความดันโลหิตสูง

อัตรากรองของไต | Creatinin | BUN | การตรวจปัสสาวะ | การตรวจหาโปรตีนในปัสสาวะ | การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด | การตรวจไขมันในเลือด | การตรวจเกลือแร่ | แคลเซี่ยม