ภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยโรคไต
โรคไตแบ่งออกเป็นห้าระยะดังกล่าวข้างต้นโดยดูจากอัตราการกรองของไต โรคแทรกซ้อนจะเกิดตั้งแต่ระยะที่สามของโรค
จะรู้ได้อย่างไรว่าโลหิตจางหรือซีด
ฐานเล็บจะซีดอย่างชัดเจน |
ฝ่ามือจะซีด |
ภาวะโลหิตจางหมายถึง ภาวะที่มีเม็ดเลือดแดงน้อย ซึ่งจะมีอาการดังนี้
- ดูซีด ผิวซีด ปากและเปลือกตาซีด
- รู้สึกเหนื่อยง่าย
- อ่อนเพลียไม่อยากจะทำอะไร
- เบื่ออาหาร
- นอนหลับยาก
- คิดช้า ตัดสินใจช้า
- มึนงง
- หัวใจเต้นเร็ว
- เหนื่อยง่าย
สาเหตุของโลหิตจางมีอะไรบ้าง
สาเหตุของโลหิตจางมีหลายสาเหตุดังนี้
- มีโรคประจำตัวเช่น โรคตับ โรคไต โรคเอดส์ SLE
- มีโรคเกี่ยวกับเลือดเช่น thallasemia
- เสียเลือดเช่น ประจำเดือนมามาก ริดสีดวง เลือดออกทางเดินอาหาร บางโรคเลือดออกทีละน้อยโดยที่ไม่รู้ตัว
- การติดเชื้อเรื้อรัง
- ขาดธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 ขาดกรดโฟลิก
- ขาดอาหาร
ทำไมโรคไตจึงมีภาวะโลหิตจาง
ไตทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนตัวหนึ่งชื่อ Erythropoetine ที่กระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดง เมื่อไตเสื่อไม่สามารถสร้างฮอร์โมนนี้อย่างเพียงพอจึงทำให้เกิดโลหิตจางโดยเฉพาะกลุ่มโรคไตดังต่อไปนี้
- เป็นเบาหวาน
- เป็นโรคไตระยะที่ 3 ขึ้นไป
- เป็นผู้หญิง
จะรู้ได้อย่างไรว่ามีโลหิตจาง
แพทย์จะเจาะเลือดตรวจหากระดับ Hemoglobin (Hb) ต่ำกว่า 12.0 และ 13.5 g/dLในหญิงและชายตามลำดับจะถือว่ามีโลหิตจาง แนวทางการดูแลผู้ที่มีโลหิตจางในโรคไตมีดังนี้
- ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่มีระดับ Hemoglobin (Hb) ต่ำกว่า 10.0 g/dL
โดยวินิจฉัยแยกสาเหตุของภาวะโลหิตจางอื่นๆ ออกไปแล้ว ควรได้รับ
erythropoiesis stimulating agent (ESA)
- ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ได้รับยา ESA ควรมีปริมาณเหล็กในร่างกายเพียง
พอที่จะทำให้ระดับ Hb มากกว่า 10.0 g/dL โดยเป้าหมายที่แสดงว่า
มีปริมาณเหล็กเพียงพอคือ serum ferritin มากกว่า 100 ng/mL
และ Transferrin saturation (TSAT) มากกว่า 20% โดยมีการตรวจ
ก่อนการให้ ESA และติดตามอย่างน้อยทุก 3 เดือน
- อย่างไรก็ดี ควรระมัดระวังภาวะเหล็กเกินในร่างกาย ถ้า serum ferritin
มีค่ามากกว่า 500 ng/mL การให้ธาตุเหล็กเสริมอาจให้ในรูป
ยารับประทานหรือยาฉีด
- ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ได้รับยา ESA ควรมีระดับ Hb เป้าหมายที่ 10.0 g/dL
โรคโลหิตจางจะแพร่หลายมากขึ้นเมื่อการทำงานของไตลดลง ภาวะโลหิตจางอย่างรุนแรง (เช่น Hb < 10.0 g/L) เนื่องจาก CKD เป็นเรื่องผิดปกติก่อนไตเสื่อมระยะ G3b ควรพิจารณาหาสาเหตุอื่นของโลหิตจางเสมอ การจัดการ “ภาวะโลหิตจางในไต” มักจะประกอบด้วยสารกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง erythropoietin และ / หรือการเสริมธาตุเหล็ก การรักษาโรคโลหิตจางในผู้ป่วยที่เป็นโรค CKD จะทำให้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไตเสื่อมช้าลง และลดผลเสียด้านระบบหัวใจและหลอดเลือด
การจัดการภาวะโลหิตจางใน CKD
- ต้องหาสาเหตุของโลหิตจางอื่นและรักาาตามสาเหตุ
- เมื่อ Hb ต่ำกว่า 10.0g/L อาจพิจารณาการรักษาด้วยยากระตุ้นธาตุเหล็ก ± erythropoiesis ทางเส้นเลือด
- จุดมุ่งหมายของการรักษาคือการรักษาระดับ Hb ให้อยู่ในช่วง 10.0-12.0 g/L .
กลับไปอ่านการรักษาโรคไต
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
