แผลพุพองหรือที่เรียกว่า Bullous impetigo
เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังส่วนผิว
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อที่เรียกว่า Staphylococcus และหรือส่วนน้อยเกิดจาก Group A Streptococcus เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะสร้างสารที่เป็นพิษต่อผิวหนัง มักจะเกิดบริเวณหน้า
การติดต่อ
โดยการสัมผัสบริเวณที่มีเชื้อโรคอยู่ พบมากในเด็กเล็ก เชื้ออาจจะแพร่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยการเกา หรือตามเสื้อผ้า มักจะพบในหน้าร้อนโดยมากเกิดบริเวณผิวหนังที่มีผื่นแพ้หรือมีแผลอยู่เก่า
อาการของผิวหนังพุพอง
มีด้วยกันสองลักษณะ
- จะเริ่มด้วยตุ่มเล็กๆสีแดงต่อมาเป็นตุ่มใส และกลายเป็นหนองซึ่งมีขนาดโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ผิวหนังบริเวณตุ่มหนองจะบางและหลุดได้ง่าย เมื่อหลุดออกจะกลายเป็นสีแดง ผื่นลักษณะนี้มักจะเกิดบริเวณใบหน้า
- แบบที่สอง ตุ่มจะแตกออกเป็นถุงน้ำ ผิวหนังจะลอกอก
การรักษา
หากเป็นผื่น impetigo อย่างเดียวการใช้ยาทาน่าเพียงพอ แต่หากเป็นแบบแผลผุพองจะต้องใช้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
- ใช้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานยาที่เลือกใช้ในอันดับแรกได้แก่
- หากใช้ยาในอันดับแรกไม่ได้ให้เลือกใช้ยา
- Azithromycin ขนาด 500 mgรับประทานครั้งแรกหลังจากนั้นให้รับประทาน 250 mg วันละครั้งเป็นเวลา 4 วัน
- Clindamycin ขนาด 15 mg/kg/dayวันละ 3 ครั้งเป็นเวลา 10วัน
- Erythromycin ขนาด 250-500 mgรับประทานวันละ 4 ครั้งเป็นเวลา 5-7 วัน
- หากเป็นเชื้อ Streptococcus ก็ใช้ยา penicillin หากเป็นเชื้อ Staphylococcus ก็ใช้ยา cloxacillin
- ยาทาเฉพาะที่อาจจะใช้ครีม tetracyclin หรือ gentamicin
- ประคบผื่นด้วยน้ำเกลือล้างแผล
- ปิดแผลด้วยผ้าพันแผล
การป้องกัน
- อาบน้ำและฟอกสบู่วันละครั้ง
- บริเวณที่เป็นแผลต้องดูแลเรื่องความสอาดเป็นพิเศษ
- ตัดเล็บให้สั้น
แผลพุพอง ฝีผักบัว ผิวหนังอักเสบ ecthyma ไฟลามทุ่ง ต่อมขนอักเสบ หนองซอกเล็บ
ทบทวนวันที่ 12/05/2566
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว