การรักษาโรคเบาหวานด้วยยา Repaglinide

การรักษาเบาหวานมุ่งเน้น เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงปกติ และป้องกันโรคแทรกซ้อนในระยะยาว ในการรักษาเบาหวานมีหลักการที่สำคัญคือการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย การรักษาจะไม่ได้ผลหากผู้ป่วยมาคุมอาหารหรือออกกำลังกาย ปัจจุบันการรักษาด้วยยา ได้รับความนิยมใช้ในการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่สอง เนื่องจากปัจจัยดังต่อไปนี้้

หากมีอาการแพ้รุนแรงให้หยุดยาและพบแพทย์

  • ลมพิษ หายใจลำบาก บวมบริเวณ หน้า ลิมฝีปาก ลิ้น คอ

หากมีผลข้างเคียงที่รุนแรงให้ปรึกษาแพทย์

  • มีอาการชัก
  • คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้องร้าวไปหลัง
  • ซีด ตัวเหลือง ปัสสาวะเข้ม ไข้ สับสน
  • ไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ มีผื่นตามผิวหนัง

กลไกออกฤทธิ์

ยาลดน้ำตาลนี้ออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นตับอ่อนให้สร้างอินซูลิน แต่ยานี้ออกฤทธิ์เร็วโดยออกฤทธิ์หลังรับประทานอาหาร 15 นาที ทำให้น้ำตาลหลังอาหารลดลง เนื่องจากออกฤทธิ์สั้นจึงป้องกันภาวะน้ำตาลต่ำได้

ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา Repaglinide

  • เบาหวานชนิดที่ 2 เมื่อรักษาด้วยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายแล้วน้ำตาลไม่ลง
  • สามารถใช้ยานี้ร่วมกับยา Metformin

ขนาดและวิธีการใช้ยา Repaglinide

  • สำหรับผู้ที่ไม่เคยรับยามาก่อน และระดับ HbA1c < 8% ให้เริ่มขนาด0.5 ก่อนอาหาร 3 มื้อ
  • หากผู้ที่เคยรับยาเบาหวานมาก่อน หรือ  > 8% ให้เริ่มขนาด 1-2 มก ก่อนอาหาร 3 มื้อ
  • ขนาดเต็มที่ 4 มก ก่อนอาหาร 3 มื้อ

ข้อควรระวัง และข้อห้ามใช้ Repaglinide

  • ผู้ที่แพ้ยานี้
  • เป็นเบาหวานชนิดที่ 1
  • ตั้งครรภ์
  • กำลังเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่
  • เก็ดอายุน้อยกว่า 12 ปี
  • ภาวะเลือดเป็นกรด Diabetic ketoacidosis
  • ให้ยาร่วมกับ gemfibrozil.

โรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน | อาการโรคเบาหวานการวินิจฉัย | การคัดกรอง | ชนิดของเบาหวาน | หลักการรักษา | โรคแทรกซ้อน | เป้าหมายในการควบคุมเบาหวาน | การติดตามและการประเมิน | การป้องกันโรคเบาหวาน