jrprint

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน

adv

ขี้ลืม: สาเหตุและวิธีการป้องกันเพื่อเสริมสร้างความจำที่ดีขึ้น

อาการขี้ลืมหรือการหลงลืมเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนอาจเผชิญในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการลืมกุญแจบ้าน ลืมชื่อนัดหมาย หรือแม้กระทั่งลืมวางสิ่งของไว้ที่ไหน อาการเหล่านี้มักไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงในชีวิตประจำวัน แต่หากการลืมเกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือรุนแรงมากขึ้นจนส่งผลต่อการทำงานและการใช้ชีวิต อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด

สาเหตุของอาการขี้ลืม

  1. ความเครียดและความวิตกกังวล: เมื่อเรามีความเครียดหรือความกังวลสูง สมองจะหลั่งสารเคมีที่มีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้เราลืมข้อมูลหรือรายละเอียดที่สำคัญไป
  2. การนอนหลับไม่เพียงพอ: การนอนหลับที่ไม่เพียงพอส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของสมอง เมื่อสมองไม่ได้รับการพักผ่อนที่เหมาะสม ความสามารถในการจดจำและการประมวลผลข้อมูลจะลดลง
  3. อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่อเราอายุมากขึ้น การทำงานของสมองอาจช้าลง ทำให้ความสามารถในการจดจำลดลง ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
  4. การใช้เทคโนโลยีมากเกินไป: การพึ่งพาเทคโนโลยี เช่น การจดจำข้อมูลผ่านโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ อาจทำให้สมองไม่ต้องจดจำข้อมูลด้วยตนเอง และส่งผลให้สมองทำงานน้อยลง
  5. ปัญหาสุขภาพ: โรคทางสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคไทรอยด์ โรคเบาหวาน หรือภาวะซึมเศร้า อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองและความจำ

ผลกระทบของอาการขี้ลืม

อาการขี้ลืมมักเริ่มต้นจากการลืมข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เช่น ลืมชื่อคนที่เพิ่งพบหรือลืมของเล็กๆ น้อยๆ แต่หากไม่ได้รับการจัดการที่เหมาะสม อาการลืมอาจรุนแรงขึ้นจนส่งผลต่อการทำงาน ความสัมพันธ์ และคุณภาพชีวิต

ในบางกรณี การลืมอาจเป็นสัญญาณของโรคสมองเสื่อม เช่น โรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้ความสามารถในการจดจำและการทำงานของสมองลดลงอย่างต่อเนื่อง อาการเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมโดยแพทย์

วิธีจัดการและป้องกันอาการขี้ลืม

  1. ออกกำลังกายเป็นประจำ: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ทำให้สมองได้รับออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น ส่งผลให้ความจำดีขึ้น
  2. รับประทานอาหารที่ดีต่อสมอง: การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ปลาแซลมอนที่มีโอเมก้า-3 ผักใบเขียวที่มีวิตามินบีและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างสมองและป้องกันอาการขี้ลืม
  3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับที่เพียงพอ (7-9 ชั่วโมงต่อคืน) มีความสำคัญต่อการฟื้นฟูสมอง การพักผ่อนที่เพียงพอช่วยให้สมองสามารถจัดการและจดจำข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
  4. ฝึกการใช้สมองเป็นประจำ: การเล่นเกมปริศนา การอ่านหนังสือ หรือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เป็นการฝึกให้สมองทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองและลดความเสี่ยงของการลืม
  5. จัดการความเครียด: การลดความเครียดด้วยการทำสมาธิ การหายใจลึกๆ หรือการทำโยคะ ช่วยลดการกระตุ้นของสมองและทำให้ความจำดีขึ้น
  6. เชื่อมต่อกับสังคม: การมีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อนฝูง และคนรอบข้างช่วยกระตุ้นสมองและเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดี ทำให้สมองมีการทำงานอยู่ตลอดเวลา

เชื่อว่าทุกท่านที่กำลังอ่านคงจะมีการลืม ซึ่งบางคนอาจจะลืมเป็นประจำ โดยเฉพาะคนที่มีภาระกิจมากมายจนกระทั่งต้องจ้างเลขา สำหรับชาวบ้านทั่วไปก็จะลืมกุญแจ ลืมเบอร์โทรศัพท์ จนบางคนกังวลจะเป็นโรคสมองเสื่อม หรือเปล่าหากยาบำรุงสมองรับประทานมากมาย

ขี้ลืม

ขี้หลงขี้ลืมแบบไหนพบในคนปกตคิ แบบไหนถึงจะเป็นโรคสมองเสื่อม

เมื่ออายุมากขึ้นย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเกดขึ้นกับร่างกาย สมองส่วนที่เรียกว่า hippocampus ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ ย่อมมีความเสื่อมไปบ้างตามอายุ ฮอร์โมนและโปรตีนที่ป้องกัน และกระตุ้นการทำงานของสมองย่อมลดลง เลือดไปเลี้ยงสมองลดลง และการรับประทานอาหาร ที่ไม่ครบถ้วนทำให้สมองดังกล่าวทำงานลดลง

สมองก็เหมือนส่วนอื่นของร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลงตามอายุ เช่นกล้ามเนื้อหากไม่ได้ใช้หรือไม่ได้ฝึกอวัยวะดังกล่าวก็ไม่แข็งแรง เช่นกล้ามเนื้อ ดังนั้นการที่จะให้ความจำดีจะต้องมีการออกกำลังกายสมองบ้างความจำจึงจะเสื่อมช้าลง

อาการขี้ลืมต่อไปนี้พบได้ในคนปกติ

คนที่ขี้ลืมในคนปกติยังสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้

ชีวิตประจำวัน

คนสูงอายุที่หลงลืมอาจจะหลงลืมได้บ่อย แต่จะสามารถจดจำในภายหลังหรือเมื่อมีการเตือนก็สามารถจะจำได้ แต่ผู้ที่หลงลืมจากความจำเสื่อมจะลืมเรื่องใหม่ๆที่ได้เรียนรู้ จำวันหรือเหตุการณ์ไม่ได้ จนต้องมีตัวช่วยเช่นสมุดจอ หรือโทรศัพท์ หรือสมาชิกในครอบครัวช่วยซึ่งเป็นสิ่งที่เคยทำได้หรือจำได้

การแก้ปัญหา

ผู้ที่ขี้ลืมอาจจะลืมในบางเรื่องแต่จะไม่สูญเสียความสามารถในการแก้ปัญหาง่ายเกี่ยวกับตัวเลข เช่นการชำระเงินบัตรเครดิต การจ่ายเงิน การทอนเงิน การแลกเงิน

ทักษะการทำงาน

สำหรับผู้ที่หลงลืมตามอายุอาจจะลืมวิธีการตั้งเครื่องไมโครเวฟ หรือการตั้งค่าทีวีแต่จะเรียนรู้ได้เร็ว และยังสามารถทำงานได้ตามปกติเช่นการใช้เครื่องดูดฝุ่น การต้มข้าวด้วยหม้อข้าวไฟฟ้า การใช้คอมพิวเตอร์ ยังจำหนทางได้ แต่ผู้ที่ขี้ลืมจากสมองเสื่อมจะไม่สามารถทำงานดังกล่าวได้ และจำหนทางไม่ได้ซึ่งทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้หลงทางเป็นจำนวนมาก

ความสับสนเรื่องเวลาและสถานที่

ผู้ที่ขี้ลืมอาจจะจำวันผิดแต่เมื่อทราบแล้วก็สามารถจำได้ แต่ผู้ที่ความจำเสื่อมจากโรคสมองเสื่อมจะสับสนเรื่องเวลา ฤดูกาล จำสถานที่ไม่ได้ จำเหตุการณืที่เพิ่งผ่านมาไม่ได้

ปัญหาเรื่องการมองเห็น

ผู้ที่ขี้ลืมมักจะไม่มีปัญหาเรื่องการมองเห็น หากเป็นผู้สูงอายุอาจจะมีปัญหาเรื่องต้อกระจก แต่สำหรับผู้ที่สมองเสื่อมจะมีปัญหาเรื่องการอ่าน การแปรผลป้ายสัญญาณจราจร สับสนเรื่องระยะทาง สี ซึ่งจะเป็นปัญหาในการขับรถ

ปัญหาในการใช้ภาษา

สำหรับผู้ที่ขี้หลงขี้ลืมอาจจะมีบางครั้งที่ใช้คำผิด แต่สำหรับความจำเสื่อมจากโรคสมองเสื่อมนอกจากจะมีปัญหาเรื่องการอ่านแล้วยังมีปัญหาในการใช้ภาษา ผู้ที่เป็นอาจจะหยุดการสนทนากลางคันเนื่องจากไม่รู้ว่าจะพูดอะไร อาจจะมีปัญหาในการใช้คำค่อนข้างมาก และมีปัญหาในการเรียกสิ่งของผิดไป

วางของผิดที่และจำไม่ได้ว่าวางที่ไหน

ผู้ที่ขี้ลืมอาจจะลืมว่าวางของไว้ตรงไหนหากวางผิดที่ แต่ก็สามารถที่จะทบทวนว่าตำแหน่งที่วางอยู่ที่ไหนโดยย้อนความคิดที่ละขั้นตอน แต่ผู้ที่สมองเสื่อมจะวางของผิดที่เช่น วางกุญแจไว้ในตู้เย็น วางกระเป๋าเงินไว้ในถังขยะ หรือบางครั้งซ่อนเงินและจำไม่ได้ว่าเก็บไว้ที่ไหน

ตัดสินใจแย่ลง

ผู้ที่ขี้ลืมมักจะไม่มีปัญหาในเรื่องการตัดสินใจ หรือหากผิดพลาดก็สามารถที่จะเรียนรู้และป้องกัน แต่ผู้ที่ความจำเสื่อมจากสมองเสื่อมจะสูญเสียความสามารถดังกล่าวโดยเฉพาะเกี่ยวกับตัวเลข เกี่ยวกับการเงิน ไม่สนใจสุขอนามัยส่วนตัว

แยกตัวจากงานและสังคม

ผู้ที่ขี้ลืมก็มีโอกาศที่จะแยกตัวจากงานและสังคมหากเขารู้สึกเพลียหรือเครียดจากงาน แต่เมื่อปัญหาหมดไปก็กลับสู่ปกติ แต่ผู่ที่ความจำเสื่อมจากสมองเสื่อมจะไม่สนใจงานอดิเรก ไม่สนใจสังคม ไม่สนใจก๊ฬา เนื่องจากความสามารถในการเข้าทีม และสูญเสียทักษะต่างๆ จึงทำให้เขาหลีกหนีจากงานและสังคม

การเปลี่ยนแปลงอารมณ์และบุคคลิกภาพ

สำหรับผู้ที่ขี้ลืมอาจจะมีอารมณ์หงุดหงิดหากมีการรบกวนที่เฉพาะเจาะจง แต่สำหรับผู้ที่ความจำเสื่อมจากสมองเสื่อม จะมีความสับสน วิตกกังวล ซึมเศร้า หงุดหงิดง่าย ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน กับเพื่อนฝูง ไม่มีที่ใดที่จะทำให้เขามีความสุข

ข้อแตกต่างของขี้หลงขี้ลืมกับความจำเสื่อมจากสมองเสื่อม

ข้อแตกต่างที่สำคัญสำหรับขี้หลงขี้ลืม และความจำเสื่อมจากสมองเสื่อมคือถ้าแค่ขี้ลืมจะไม่สูญเสียการดำรงชีวิตตามปกติ สามารถใช้เครื่องมือที่ซับซ้อนได้ แก้ปัญหาทั่วๆไปได้ ไม่มีปัญหาเรื่องการใช้เงิน การทำงาน งานอดิเรก การมีสังคม ยังคงปกติ แต่หากเป็นสมองเสื่อมจะสูญเสียทักษะดังกล่าวข้างต้น

อาการของคนขี้ลืม

อาการของคนขี้ลืมที่เกิดจากสมองเสื่อม

สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ เช่นการใช้เครื่องมือ การหุงข้าว การรีดผ้า แม้ว่าจะมีการลืม

มีปัญหาการใช้ทักษะที่เคยทำได้เช่น การใส่เสื้อผ้า การหุงข้าว การรีดผ้า การใช้เครื่องซักผ้า มักจะลืมวิธีการใช้ทั้งที่เมื่อก่อนนี้ยังใช้ได้

สามารถที่จะทบทวนเรื่องที่ลืมได้

ไม่สามารถจะอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดที่ไหน และมีปัญหาอะไร

สำหรับเส้นทางที่คุ้นเคยจะไม่หลงทาง แต่สำหรับเส้นทางที่ไม่คุ้นก็อาจจะหยุดเพื่อทบทวนเส้นทาง

มักจะหลงทางแม้ว่าเป็นเส้นทางที่ใช้ประจำ

อาจจะมีปัญหาในการเลือกใช้คำ แต่ยังสามารถสนทนาต่อได้

มักจะมีปัญหาในการใช้คำเพราะลืม ใช้คำไม่ถูกต้อง มีการย้ำประโยคหรือเนื้อหาบ่อยในระหว่างสนทนา

สามารถตัดสินใจได้เหมาะสม

มีปัญหาในการตัดสินใจ มักจะแสดงให้เห็นว่าตัดสินใจผิดพลาด

 

เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์

หากอาการขี้ลืมเกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือรุนแรงขึ้น เช่น ลืมเรื่องราวที่สำคัญ ลืมทางกลับบ้าน หรือลืมชื่อตัวเอง อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่รุนแรงกว่า เช่น โรคอัลไซเมอร์ หรือโรคสมองเสื่อมชนิดอื่นๆ

 

หากพบว่าคนที่ท่านรู้จักมีอาการดังกล่าวข้างต้นให้ปรึกษาแพทย์

ภาวะสมองเสื่อม อาหารบำรุงสมอง การทดสอบอาการสมองเสื่อม การเพิ่มความจำ ขี้ลืม การป้องกันการหลงลืม ข้อแตกต่างระหว่างขี้ลืมและสมองเสื่อม