หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
เคยไหมครับที่ลืมโน้นลืมนี่ ลืมชื่อคน ลืมชื่อสถานที่ ลืมของ ทำให้เสียเวลาและเสียความรู้สึก บางครั้งหลายท่านอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นโรคสมองเสื่อมไปแล้ว อาการเหล่านี้จะพบบ่อยขึ้นในคนที่อายุมากขึ้น
วิธีง่ายๆป้องกันขี้ลืม
เมื่ออายุมากขึ้นมีภาระงาน ภาวะเครียด มากขึ้น ประกอบความสามารถในการเรียนรู้ และความจำลดสำสำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปีทำให้เกิดความกังวลว่าจะเป็นโรคสมองเสื่อมหรือไม่ ความจริงการหลงลืมจะเป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่หากสูญเสียทักษะที่เคยทำเป็น เช่น การหุงข้าว การเปลี่ยนช่องทีวี หรือไม่สามารถแก้ปัญหาง่ายๆ หรือไม่สามารถจัดการเรื่องเงินจ่ายหรือเงินทอนก็ให้สงสัยว่าจะเริ่มเป็นอาการสมองเสื่อม อาการขี้ลืมจากโรค Alzheimer
อาการขี้ลืมเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนอาจเผชิญได้บ้างในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการลืมสิ่งของ หรือลืมชื่อคนที่เพิ่งพบ อย่างไรก็ตาม การดูแลสมองให้แข็งแรงสามารถช่วยลดความเสี่ยงของอาการขี้ลืมและป้องกันภาวะสมองเสื่อมในอนาคตได้ ในบทความนี้จะกล่าวถึงวิธีการป้องกันอาการขี้ลืมและเสริมสร้างความจำด้วยเคล็ดลับที่ทำได้ในชีวิตประจำวัน
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดินเร็ว การวิ่ง หรือการเล่นกีฬาต่างๆ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ทำให้สมองได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้นช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง และลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะสมองเสื่อม กายแข็งแรงจะทำให้ใจแข็งแรงไปด้วย การออกกำลังกายจะทำให้สมองทำงานดีขึ้น ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำนอกจากร่างกายจะแข็งแรงแล้วจิตใจยังแข็งแรงจนอายุ70-80 ปี แนะนำว่าให้ออกกำลังกายชนิดปานกลางจนถึงออกกำลังกายหนัก ครั้งละ30 นาทีสัปดาห์ละห้าวัน เชื่อว่าการออกกำลังกายจะช่วยให้ความจำดีขึ้นโดย
วิธีการที่จะเพิ่มการออกกำลังกาย
ฝรั่งชอบพูดคำว่า You are what you eat ซึ่งก็เป็นความจริงโรคหรือภาวะต่างๆที่เราประสบอยู่ส่วนหนึ่งเกิดจากพันธุกรรม อีกส่วนหรือเกิดจากพฤติกรรมโดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารซึ่งปัจจุบันนิยมรับประทานอาหารจานด่วน และค่อนไปทางตะวันตกทำให้ได้รับนมเนยมากเกินไปจึงทำให้โรคเบาหวานและความดันมีมากขึ้น สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารบำรุงหัวใจนั้นก็จะส่งผลดีต่อความจำด้วย มีการศึกษาว่าการรับประทานอาหาร Mediterranean-type diets ซึ่งอุดมด้วยไขมันไม่อิ่มตัวและผักผลไม้พบว่าจะชลอการเกิดสมองเสื่อม อ่านเรื่องอาหารบำรุงสมองหรือช่วยเพิ่มความจำ การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมองเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันอาการขี้ลืม อาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า-3 เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และถั่ว มีส่วนช่วยในการส่งเสริมการทำงานของสมอง รวมถึงผักใบเขียวที่มีวิตามินบีและสารต้านอนุมูลอิสระก็เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเสื่อมของสมอง
การนอนหลับที่ดีและเพียงพอ (7-9 ชั่วโมงต่อคืน) มีความสำคัญต่อการฟื้นฟูสมองและความจำในระหว่างการนอน สมองจะทำหน้าที่จัดเก็บและเรียบเรียงข้อมูลที่ได้รับในระหว่างวัน การนอนที่ไม่เพียงพออาจทำให้การเก็บข้อมูลไม่สมบูรณ์และเพิ่มความเสี่ยงต่อการลืม
การฝึกใช้สมองในกิจกรรมต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอาการขี้ลืม เช่น การอ่านหนังสือ การทำโจทย์คณิตศาสตร์ หรือการเล่นเกมที่ต้องใช้สมอง เช่น เกมปริศนา เกมหมากรุก เกมซูโดกุ กิจกรรมเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและช่วยรักษาความสามารถในการคิดวิเคราะห์
ความเครียดมีผลกระทบโดยตรงต่อความจำ เพราะเมื่อเรามีความเครียดสูง สมองจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งอาจทำให้สมองทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เกิดอาการลืมได้ง่าย การฝึกผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือนั่งหายใจลึกๆ ช่วยลดความเครียดและเสริมสร้างสมาธิได้ดี
การมีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อนฝูง และสังคมรอบตัว มีผลดีต่อการป้องกันอาการขี้ลืม การพูดคุยและการมีปฏิสัมพันธ์ช่วยให้สมองทำงานและคิดวิเคราะห์อยู่ตลอดเวลา รวมถึงยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วยคนเราเป็นสัตว์สังคม การมีสังคมมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นจะเป็นการทำให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีการศึกษาพบว่าผู้ที่มีสังคมมากจะมีการลดลงของความจำลงช้าที่สุด ท่านลองเข้ากลุ่มหรือชมรม เช่นอาสาสมัคร หรือชมรมร้องเพลง เต้นรำ หรือออกกำลังกาย หรือจะทำอาหารก็แล้วแต่ถนัน ปัจจุบันการสื่อสารดีขึ้นการใช้ social media ก็จะเป็นทางเลือกในการมีสังคมเพิ่มมากขึ้น
เสียงหัวเราะช่วยรักษาสุขภาพจิตและช่วยเรื่องความจำ
การหัวเราะหรือได้ยินเสียงหัวเราะจะทำให้สมองทุกส่วน รวมทั้งส่วนที่ทำหน้าที่ความจำได้มีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการเพิ่มเสียงหัวเราะ
สมองของคนเรามีการพัฒนาและสะสมประสบการณ์ตั้งแต่เด็ก ทำให้เราสามารถรื้อฟื้นความจำได้อย่างรวดเร็ว แก้ปัญหาที่เกิดซ้ำได้อย่างรวดเร็ว แต่หากเราไม่มีสิ่งที่ท้าทายใหม่มากระตุ้น สมองเราก็หยุดพัฒนา กิจกรรมที่มีการใช้มือทั้งสองข้างจะทำให้มีการพัฒนาสมอง เช่นการเล่นดนตรี การเล่นเกมส์ การตีปิงปอง การเย็บปักถักร้อย กิจกรรมที่จะมีการฝึกสมองต้องมีองค์ประกอบดังนี้
การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป เช่น การใช้แอปพลิเคชันในการจดจำตารางงานหรือข้อมูลต่างๆ อาจทำให้สมองลดการทำงานในการจดจำข้อมูล ลองหัดจำบางอย่างด้วยตนเอง เช่น จำหมายเลขโทรศัพท์สำคัญ จำรายการสิ่งที่ต้องทำ หรือจดบันทึกด้วยการเขียนมือเพื่อฝึกการใช้สมองในชีวิตประจำวัน
ความเครียดเรื้อรังหรือความเครียดสะสมจะมีผลเสียต่อการทำงานของสมองโดยเฉพาะสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำ มีการศึกษาพบว่าการทำสมาธิจะช่วยลดอาการซึมเศร้า ความวิตกกังวล โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และสามารถเพิ่มสมาธิ ความคิดริเริ่ม การเรียนรู้ การมีเหตุมีผล การตัดสินใจ และความจำ
โรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดสมอง อาจมีผลกระทบต่อสมองและการทำงานของความจำ การตรวจสุขภาพเป็นประจำและการดูแลสุขภาพโดยรวมให้ดี เช่น การควบคุมน้ำตาลและความดันโลหิต ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการลืม
การป้องกันอาการขี้ลืมไม่เพียงแต่ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมในระยะยาวได้อีกด้วย การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การฝึกฝนสมอง และการลดความเครียดเป็นแนวทางที่สามารถปฏิบัติได้ง่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อเสริมสร้างสมองให้แข็งแรงและความจำที่ดียิ่งขึ้น
อาการสูญเสียความจำ | อาหารบำรุงสมอง | สมองเสื่อมเริ่มต้น | ขี้หลงขี้ลืม | วิธีป้องกันอาการขี้ลืม