การฉีดฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม Soft-tissue fillers
เมื่ออายุมากขึ้นก็เกิดความเสื่อมของผิวหนังมีการสูญเสีย collagen ไขมันใต้ผิวหนังจึงทำให้เกิดรอยย่นตามมา โดยเฉพาะบริเวณ ริมฝีปาก มุมปาก คาง แก้ม ร่องแก้ม ใต้ตา การฉีดสารเติมเต็มจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลารักษาไม่นาน เห็นผลทันที ค่าใช้จ่ายไม่มาก ผลข้างเคียงของการรักษาไม่มาก
คำอังกฤษใช้ Soft-tissue fillers หรือ Dermal Fillers ส่วนคนไทยใช้คำว่าฟิลเลอร์ fillers หรือที่คนไทยทั่วไปเรียกว่าสารเติมเต็ม หมายถึงการฉีดสารบางอย่างเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อเติมเต็มเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าว ทำให้บริเวณที่ฉีดดูตึงขึ้นมาหรือลบรอยย่นได้
เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ผิวหนังจะเกิดการเสื่อมมีการสร้างสาร collagen ลดลงใยสหรับการยืดหยุ่นลดลงส่งผลทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น การฉีดสารเติมเต็มเป็นที่นิยมเนื่องจากเห็นผลเร็ว ผลข้างเคียงไม่มาก
สารเคมีที่ใช้ในการทำฟิลเลอร์ Soft-tissue fillers
สารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ส่วนใหญ่จะมีผลชั่วคราว แล้วแต่ชนิดของสารที่ใช้ฉีด ร่างกายจะดูดซึมสารเหล่านั้นทำให้มีผลประมาณ 3-6 เดือน บางชนิดมีการผสมยาชาเพื่อลดอาการปวด แบ่งสารเติมเต็มออกเป็น 2 ชนิดได้แก่
สารเติมเต็มที่ร่างกายดูดซึมหรือมีผลชั่วคราว สารเติมเต็มเหล่านี้ได้แก่
- คอลลาเจน Collagen:สาร Collagen เป็นโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบของผิวหนังและอวัยวะอื่น สารคอลลาเจนมีทั้งที่ทำจากวัว และทำจากเซลล์ของคน เมื่อฉีดแล้วสารนี้จะคงอยู่ 3-4 เดือน
- สาร Hyaluronic acid: สาร Hyaluronic acid จัดอยู่ในกลุ่มแป้ง สานรี้เป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อร่างกายเช่น ผิวหนัง และกระดูกอ่อน สารนี้อาจจะทำจากเชื้อแบคทีเรีย จากนก และจากการผลิตทางเคมี เมื่อฉีดสารนี้จะคงอยู่ 6-12 เดือน
- สาร Calcium hydroxylapatite: เป็รแร่ที่พบในกระดูกและฟันของคน เมื่อฉีดเข้าไปจะอยู่ได้นาน 18 เดือน
- สาร Poly-L-lactic acid (PLLA): PLLA เป็น polymer ที่เกิดจากการสังเคราะห์ ทางการแพทย์ได้เคยใช้สารนี้ในทางการแพทย์มานาน เมื่อฉีดเข้าไปจะอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี
สารที่ที่ฉีดแล้วอยู่ถาวร
- สาร Polymethylmethacrylate beads (PMMA microspheres):สาร PMMA เป็นสาร polymer ที่เกิดจากการสังเคราห์ สารนี้จะไม่ถูกย่อยสารในร่างกาย ไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน สารนี้ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ เช่น ทำกาวเชื่อมกระดูก แก้วตา เมื่อฉีดสารนี้จะมีผลอยู่ได้นาน
ข้อบ่งชี้ในการใช้สารเติมเต็ม
การฉีดสารเติมเต็มเพื่อลดร่องรอยของการเสื่อมของผิวหนัง บริเวณใบหน้า ริมฝีปาก มือ เช่น รอยย่น หรือการเติมเต็มบริเวณแก้ม
- เติมเต็มบริเวณแก้ม ใต้ตา และรอยย่นที่ลึก
- ลบรอยแผลเป็น
- ลบรอยย่น
- เสริมริมฝีปาก
- เสริมขอบตา
- สารเติมเต็มชนิดชั่วคราว fillers จะใช้ในกรณีลบรอยย่นที่หน้าผาก
- สารเติมเต็มชนิดถาวรจะใช้แก้ไขเฉพาะร่องแก้ม nasolabial folds เท่านั้น
- การใช้สารเติมเต็มควรจะใช้กับคนที่อายุมากกว่า 21 ปี
ขั้นตอนในการฉีดสารเติมเต็ม
กระบวนการฉีดสารเติมเต็มขึ้นกับ แพทย์ อวัยวะส่วนที่จะฉีด ประวัติการเจ็บป่วย
- การฉีดสารเติมเต็มแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที
- ก่อนการฉีดสารเติมเต็มจะต้องทำให้บริเวณที่จะฉีดมีอาการชาโดยอาจจะประคบน้ำแข็ง หรือฉีดยาชา แล้วแต่ชนิดของสารเติมเต็มและตำแหน่งที่ฉีด
- แพทย์จะฉีดสารเติมเต็มยังบริเวณที่ต้องการ อาจจะต้องฉีดหลายครั้งเพื่อให้ผลเป็นที่น่าพอใจ
- ระหว่างที่ฉีดอาจจะมีความรู้สึกปวด
- สารเติมเต็มที่ทำมาจากสัตว์อาจจะจำเป็นต้องทดสอบเรื่องแพ้ก่อนฉีด
- หากเป็นการฉีดไขมันตัวเองก็สามารถทำเสร็จใน 1 วัน
หลังฉีดสารเติมเต็มเสร็จจะต้องทำอะไร
ส่วนใหญ่กลับบ้านได้หลังจากฉีดสารเติมเต็ม หลังจากฉีดให้ประคบเย็นประมาณ 15-20 นาทีเพื่อลดอาการบวมหรือแดง
การปฏิบัติตัวหลังจากฉีดสารเติมเต็ม
- หยุดออกกำลังกายหนึ่งวัน
- งดออกไปตากแดดหนึ่งวัน
- ห้ามสัมผัสบริเวณที่ฉีดสารเติมเต็ม 3 วันยกเว้นได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้นวดบริเวณดังกล่าว
- สารเติมเต็มชนิด poly-L-lactic acid จะต้องมีการนวดเบาๆครั้งละ 5 นาทีนวดบ่อยๆเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
หลังจากฉีดสารเติมเต็มแล้วจะเห็นผลเมื่อไร
สารเติมเต็มส่วนใหญ่จะเห็นผลทันที แต่มีสารเติมเต็มบางชนิดจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง collagen ซึ่งใช้เวลา
สารเติมเต็ม |
ระยะเวลาที่เห็นผล |
Collagen |
ทันที |
Hyaluronic acid gel |
ทันที |
Calcium hydroxyl apatite |
ทันที |
Poly-L-lactic acid |
2-3 สัปดาห์ |
ไขมันของผู้ที่จะฉีด |
ทันที |
PMMA (polymethylmethacrylate) |
ทันที |
เมื่อฉีดสารเติมเต็มแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน
สารเติมเต็มส่วนใหญ่จะมีผลชั่วคราว หากต้องการก็ฉีดใหม่
สารเติมเต็ม |
หลังฉีดจะอยู่ได้นาน |
Collagen |
2- 3 เดือน |
Hyaluronic acid gel |
4 -12 เดือน |
Calcium hydroxylapatite |
6 เดือน 1 ปี |
Poly-L-lactic acid |
1- 3 ปี |
ไขมันของผู้ที่จะฉีด |
1 - 3 ปี |
PMMA (polymethylmethacrylate) |
ถาวร |
โรคแทรกซ้อนที่เกิดจากการทำฟิลเลอร์
โรคแทรกซ้อนส่วนใหญ่มักจะเกิดหลังฉีด และอยู่ไม่เกิน สอง สัปดาห์ แต่ก็มีบางรายที่อาจจะอยู่เป็นเดือน โรคแทรกซ้อนที่สำคัญได้แก่
- รอยช้ำเขียวที่เกิดจากเลือดออก
- ผิวบริเวณที่ฉีดแดง บวม
- ปวดบริเวณที่ฉีด
- คัน หรือมีผื่นบริเวณที่ฉีด
โรคแทรกซ้อนอื่นๆที่พบได้น้อยได้แก่
- เป็นก้อนนูนขึ้นมาซึ่งต้องแก้ไขโดยการผ่าตัด
- เป็นแผลบริเวณที่ฉีด
- เกิดแพ้สารที่ฉีด
- เนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวเน่าตาย
การทดสอบว่าแพ้สารที่ฉีดหรือไม่จะทำกับสารเติมเต็มที่ทำมาจากวัว
โรคแทรกซ้อนอื่นๆที่พบน้อย
- ฟิลเลอร์ที่ฉีดมีการเคลื่อนไปจากตำแหน่งเดิม
- มีการรั่วของฟิลเลอร์ออกทางผิวหนัง
- เป็นตุ่มใต้ผิวหนังถาวร
- ฉีดถูกหลอดเลือด
- ความผิดปกติของสายตาซึ่งอาจจะทำให้ตาบอดหากฉีดฟิลเลอร์บริเวณตาหรือจมูก
ไม่แนะนำให้ใช้ฟิลเลอร์ในกรณีต่อไปนี้
- การเพิ่มขนาดเต้านม
- การเพิ่มขนาดของก้น
- ฉีดเข้าไปในกระดูก เอ็น หรือกล้ามเนื้อ
คำแนะนำสำหรับผู้ที่จะฉีดสารเติมเต็ม fillers
- ท่านควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนังหรือศัลยกรรมตกแต่ง
- เลือกแพทย์ที่ได้รับการอบรมมาทางการฉีดฟิลเลอร์ การฉีดฟิลเลอร์เป็นการรักษาทางการแพทย์ ผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ฉีดอาจจะมีความเสี่ยง
- ควรจะทราบชนิดของฟิลเลอร์ และผลข้างเคียงของฟิลเลอร์
- สอบถามแพทย์ว่าจะใช้ฟิลเลอร์ชนิดไหน และตรวจสอบเอกสารคำแนะนำสำหรับการใช้ฟิลเลอร์ชนิดนั้น
- ปรึกษากับแผลถึงผลที่ท่านคาดหวัง และให้แพทย์ประเมินผลสำเร็จของการฉีด
ไม่ควรฉีดสารเติมเต็มในภาวะอะไรบ้าง
- ผิวหนังบริเวณที่ฉีดมีการอักเสบ เช่นมีซีต สิวที่กำลังอักเสล ผื่น ลมพิษ ให้รอจนภาวะอักเสบดีขึ้น
- ท่านมีแนวโน้มที่จะเกิดแผลเป็นได้ง่าย
- ท่านมีโรคเลือดออกง่าย
- มีประวัติแพ้ชนิดรุนแรง
- เคยแพ้ collagenหรือไข่ ในกรณีที่จะใช้สารดังกล่าวฉีด
- เคยแพ้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์
- แพ้ยาชา
- แพ้แบคทีเรีย
ข้อควรปฏิบัติเพื่อผลที่ดีและลดผลข้างเคียง
- เพื่อความปลอดภัยและความสำเร็จควรจะเลือกฉีดสารเติมเต็มกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และไม่ควรใช้ราคาเป็นเครื่องตัดสิน ควรจะใช้มาตราฐานการฉีดสารเติมเต็มเป็นตัวตัดสิน
- ในการฉีดสารเติมเต็มควรฉีดในสถานพยาบาลที่มีเครื่องมือที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วเท่านั้น ไม่ควรจะทำตามโรงแรม ร้านค้า สถานเสริมสวย
- ควรจะเลือกใช้สารเติมเต็มที่ผ่านการรับรองแล้วเท่านั้น ให้ขอดูใบรับประกันทุกครั้ง
- ให้ทายาป้องกันแสงหลังจากฉีดสารเติมเต็ม
สวยทันใจสวยสั่งได้ด้วยมือหมอ