แผนการรักษาโรคหอบหืด
การรักษาหอบหืดในปัจจุบันได้เปลี่ยนจากเดิมดังนี้ เมื่อสมัยก่อนการรักษาหอบหืดเป็นเพียงให้ยาขยายหลอดลม bronchodilator เท่านั้นแต่ปัจจุบันได้มีความเข้าใจกลไกการเกิดโรคหอบหืดดีขึ้นว่าโรคหอบหืด เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของหลอดลม ทำให้เยื่อบุหลอดลมหนาตัว และมีเสมหะอุดหลอดลมปัจจุบันการรักษาโรคหอบหืด
- จะอาศัยยาที่ลดการอักเสบเป็นหลักโดยอาศัยยาขยายหลอดลมเป็นตัวเสริม ยาลดการอักเสบจะป้องกันไม่ให้หลอดลมบีบตัว ลดการอักเสบของหลอดลมจึงป้องกันหอบหืดได้
- นอกจากจะเปลี่ยนจากการใช้ยาขยายหลอดลมเป็นยาลดการอักเสบแล้วยังมีเครื่องมือ Peak flow meterเพื่อเป็นการวัดเพื่อเตือนว่าแผนการรักษายังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
และเตือนว่าโรคกำลังกำเริบต้องรีบให้การรักษา
- ผู้ป่วยควรปรึกษากับแพทย์ถึงแผนการรักษา
โดยการวางแผนการรักษาแพทย์ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่วยเป็นอันมาก
แพทย์อยากทรายว่าระหว่างที่อยู่บ้านอาการหอบหืดเป็นอย่างไรบ้างโดยผู้ป่วยควรมีสมุดประจำตัว
และคอยบันทึกความรุนแรงของโรค
เพื่อไปพบแพทย์ให้นำสมุดไปพบแพทย์ด้วย
-
ต้องทราบจุดประสงค์ของการรักษา
- ไม่มีอาการหอบหืด
เช่น ไอ หายใจเสียงดังหวีด
แน่นหน้าอก
- ไม่ต้องตื่นกลางคืนเพราะอาการหอบหืด
- ไม่ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน
หรือนอนโรงพยาบาลเพราะโรคหอบหืด
- สามารถคุมอาการให้สงบลงได้และหอบหืดเรื้อรังน้อยที่สุด
- ป้องกันไม่ให้เกิดอาการกำเริบของโรค
- ยกระดับสมรรถภาพการทำงานของปอดให้ดีทัดเทียมกับคนปกติ
- สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เหมือนคนปกติไม่ต้องหยุดเรียนหรือหยุดงาน
- หลีกเลี่ยงผลแทรกซ้อนจากยารักษาโรคหืด
- ลดอุบัติการณ์การเสียชีวิตจากโรคหอบหืด
- ใช้ยา beta2-agonistเพื่อระงับอาการหอบให้น้อยที่สุด
- ไม่มีภาวะฉุกเฉินของอาการหอบหืด
- สามารถออกกำลังกายได้เหมือนคนปกติ
แผนการรักษาประกอบไปด้วย
- แผนรักษาโรคหอบหืดเรื้อรัง
- แผนรักษาหอบหืดเฉียบพลัน
-
ต้องรู้เกี่ยวกับโรคหอบหืด | ต้องรู้จักวิธีพ่นยา | ต้องรู้จักชนิดของยาที่รักษา | ต้องมีแผนการรักษาด้วยตัวเอง | ต้องมีแผนฉุกเฉินในการรักเวลาหอบมาก | ต้องหลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่แพ้ | ต้องรู้จักประเมินอาการของโรค | ต้องมีแผนเรื้อรัง