โรคผื่นแพ้จากการสัมผัส Contact dermatitis
โรคผื่นแพ้จากการสัมผัสเป็นการแพ้ชนิดนี้เป็นแบบ T-cell mediated reactionโดยเฉลี่ยผู้ใหญ่จะใช้สารเคมีกับร่างกายอย่างน้อย
7 ชนิดได้แก่ น้ำหอม moisturizers,
ครีมกันแสง, สบู่,
ครีมนวดผมหรือแชมพูสระผม ครีมดับกลิ่น, และเครื่องสำอาง
ที่พบบ่อยที่สุดคือแพ้น้ำหอม ผู้ที่แพ้น้ำหอมควรใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีน้ำหอม
ตำแหน่งที่แพ้บ่อยที่สุดคือ
หน้า ริมฝีปาก ตา หู
การแพ้จากการสัมผัสมีสองชนิดคือ
- Irritant dermatitis
เกิดจากการระคายเช่นการใช้น้ำหอม
สบู่ ผงซักฟอก ครีมดับกลิ่น
เครื่องสำอาง
พวกนี้จะเกิดผื่นหลังจากสัมผัสไม่นานเช่นภายใน
1-2 วันหลังสัมผัส
- Allergic contact dermatitis
การแพ้เกิดจากการสัมผัสมักจะเกิดหลังจากสัมผัสเป็นระยะเวลามากกว่า
1
สัปดาห์ลักษณะจะเป็นผื่นแดง
บวม คัน และอาจจะมีถุงน้ำ
เช่นการแพ้สายรองเท้า
สายนาฬิกา
การรักษาโรคผื่นแพ้จากการสัมผัส
ต้องหลีกเลี่ยงสารที่ก่อภูมิแพ้อย่างน้อย
4 สัปดาห์เพื่อให้ภูมิลดลง
และเพื่อให้ผื่นหาย
การป้องกันผื่นแพ้จากการสัมผัสสามารถทำได้โดย
- ให้ล้างเสื้อด้วยน้ำสะอาด
2
ครั้งหลังจากซักด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม
- ให้เลือกซื้อเสื้อผ้าที่เป็นสีธรรมชาติ
หลีกเลี่ยงผ้าที่อัดกลีบ
อาจจะใช้ผ้าไหมและผ้า polyester
- เสื้อผ้าใหม่ให้ซัก
5 ครั้งก่อนใส่
- สบู่
แชมพูและครีมนวดผมไม่ควรมีน้ำหอม
- หลีกเลี่ยงน้ำหอม
โคโลน หลังโกนหนวด
- ไม่ใช้น้ำยาทาเล็บหรือ hair spray
คำแนะนำสำหรับผู้ที่เป็นผื่นอักเสบที่มือ
ขณะที่ผิวหนังมีการอักเสบ ความแข็งแรง, ความสามารถในการเป็นเกราะกำบังร่างกายของชั้นผิวหนังจะเสียไป ทำให้เกิดอาการระคายเคือง, อักเสบและแพ้ได้ง่ายกว่าปกติ ดังนั้นเพื่อช่วยให้ผิวหนังกลับสู่สภาพปกติ จึงควรทำตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- ถ้าทราบว่าแพ้สารใดสารหนึ่งโดยเฉพาะ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารนั้น การล้างมือ
- ไม่ควรล้างมือด้วยน้ำอุ่น, น้ำร้อน
- ใช้สบู่เพียงเล็กน้อย
- หลังการล้างมือควรใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้งโดยไม่ลืมซับบริเวณซอกนิ้วมือให้แห้งด้วย
- ไม่ควรล้างมือบ่อยเกินไปคือไม่ควรเกิน 2-3 ครั้งต่อวัน